โครงการ Healthy Lung Thailand ผนึก สมาคมสภาองค์กรโรคหืดแห่งประเทศไทย เดินหน้ารณรงค์คนไทยใส่ใจสุขภาพ แนะแนวทาง สร้างการรับรู้การรักษา – ป้องกัน “โรคหืด” เนื่องในวัน World Asthma Day: วันหืดโลก
โรคหืด (Asthma) เป็นอีกหนึ่งโรคเรื้อรังที่ผู้ป่วยต้องทุกข์ทรมาน และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก ทำให้มีคุณภาพชีวิตแย่ลง หากมีอาการรุนแรงอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ปัจจุบันมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง การเข้าใจในโรค รวมถึงแนวทางการดูแลรักษาที่ถูกต้อง และเหมาะสมจึงมีความสำคัญมาก เพื่อประโยชน์ในการควบคุมโรคและเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้น โดยโรคหืดถือได้ว่าเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่ควรมองข้าม และเป็นปัญหาทางสาธารณสุขของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งในประเทศไทยมีอุบัติการณ์ผู้ป่วยโรคหืดราว 7% ในผู้ใหญ่ และ 10-15% ในเด็ก และพบว่าผู้ป่วยโรคหืดมีแนวโน้มเสียชีวิตมากกว่า 2,000 ราย ต่อปี มีคนไข้ที่เสียชีวิตจากโรคหืดในทุก ๆ วัน ซึ่งประเทศไทยบรรจุแผนการดูแลรักษาโรคหืดในแผนการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ หรือ Service Plan ของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้มีการดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันการรักษาโรคหืดในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมาก เนื่องจากเรามีองค์ความรู้และยาที่พัฒนามากขึ้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ศ.พญ.อรพรรณ โพชนุกูล นายกสมาคมสภาองค์กรโรคหืดแห่งประเทศไทย และผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านโรคภูมิแพ้โรคหืด และโรคระบบหายใจ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ได้ให้ความรู้ว่า “โรคหืดเป็นโรคเรื้อรังไม่ติดต่อ เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย ซึ่งพบได้ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงผู้ใหญ่ เป็นภาวะที่มีการอักเสบเรื้อรังของหลอดลมหรือทางเดินหายใจ ทำให้หลอดลมมีภาวะไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าคนปกติ เกิดการหดเกร็งตัวของหลอดลม นำไปสู่การหายใจที่ลำบาก อากาศเข้าสู่ปอดน้อยลง โดยมี 2 ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดโรค ได้แก่ ปัจจัยทางพันธุกรรม และปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เช่น การสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน เช่น ละอองเกสรดอกไม้ เกสรหญ้า ไรฝุ่น ขนสัตว์ ควันบุหรี่ การออกกำลังกาย อากาศที่เย็นจัด การติดเชื้อไวรัส รวมถึงมลพิษในอากาศ โดยเฉพาะปัญหาฝุ่นควันที่เกินค่ามาตรฐาน อย่างฝุ่นละออง PM2.5 ที่ได้รับผลกระทบทั่วทั้งประเทศ”