Megaport เปิดตัว Network as a Service (NaaS) ในญี่ปุ่น เพื่อการเข้าถึงบริการคลาวด์ชั้นนำทั่วโลกได้ในเครือข่ายเดียว
- แพลตฟอร์มแรกที่เชื่อมต่อเครือข่ายทั่วโลกด้วยซอฟต์แวร์ที่เป็นกลาง ช่วยให้องค์กรธุรกิจข้ามชาติในญี่ปุ่นและทั่วโลก สามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ บนคลาวด์ได้โดยตรง เพื่อการลงทุนที่เร็วขึ้น ง่ายขึ้น และเกิดประโยชน์สูงสุด
Megaport (ASX: MP1) ผู้ให้บริการ Network as a Service (NaaS) ชั้นนำระดับโลก ประกาศขยายบริการไปยังญี่ปุ่นในวันนี้ โดยเริ่มให้บริการเชื่อมต่อคลาวด์ในโตเกียวเป็นเมืองแรก ผ่านทางศูนย์ข้อมูลหลายแห่ง ได้แก่ Equinix TY2, TY4 และ AT TOKYO CC1 และวางแผนที่จะเพิ่มศูนย์ข้อมูลอื่น ๆ อีกในอนาคต ซึ่งรวมถึง NTT DATA Otemachi, Colt Shiohama, NEC Kanagawa, MC-Digital Realty Mitaka และ TELEHOUSE TOKYO Otemachi โดยลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากการเชื่อมต่อโดยตรงกับบริการ AWS, Azure, Oracle และ IBM cloud onramps ในญี่ปุ่นได้แล้วในตอนนี้ ปัจจุบัน Megaport ให้บริการอยู่ใน 102 เมืองทั่วโลก และมีการเชื่อมต่อศูนย์ข้อมูลมากกว่า 525 แห่ง และระบบคลาวด์ (cloud onramps) 141 แห่ง ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจในญี่ปุ่นสามารถเข้าถึงบริการคลาวด์และไอทีระดับโลกได้โดยตรงอย่างไร้รอยต่อ โดยไม่จำเป็นต้องดูแลจัดการโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายที่ซับซ้อน
การเปิดให้บริการของ Megaport ในประเทศญี่ปุ่นทำให้ขณะนี้ บริษัทที่มีการดำเนินงานด้านไอทีในระดับโลกจะสามารถเชื่อมต่อเข้ากับศูนย์ข้อมูลหลัก ๆ ได้ตามต้องการ ความสามารถในการจัดหาความจุเครือข่ายไอทีระหว่างบริการคลาวด์และศูนย์ข้อมูลของภูมิภาคต่าง ๆ ในเวลาที่เกือบจะเรียลไทม์ผ่านทางโครงข่ายการเชื่อมต่อของ Megaport นั้น จะเร่งผลักดันขีดความสามารถของไฮบริดคลาวด์ให้เติบโตเร็วขึ้นทั่วโลก อีกทั้งจะสนับสนุนการเติบโตของข้อมูล และปรับรูปแบบการใช้งานที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดให้เข้ากับความต้องการเฉพาะของท้องถิ่น
ตลาดคลาวด์ของญี่ปุ่นได้เข้าสู่ช่วงของการเติบโตอย่างเต็มที่ จากการเปิดเผยของบริษัทวิจัย IDC สถานการณ์เช่นนี้ทำให้มีโอกาสมากมายในการวางเครือข่ายคลาวด์เพื่อสนับสนุนการใช้บริการคลาวด์ที่แพร่หลายทั่วญี่ปุ่นในปัจจุบัน การขยายบริการเข้าสู่ญี่ปุ่นของ Megaport จะสร้างประโยชน์ให้กับทั้งผู้ใช้บริการและพันธมิตร ขยายทางเลือกของผู้ให้บริการ และช่วยให้เข้าถึงการเชื่อมต่อคลาวด์โดยตรงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การขยายบริการครั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการคลาวด์ หรือ Cloud Service Providers (CSPs) เข้าถึงและให้บริการลูกค้าได้เร็วขึ้นและมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อกับบริการต่าง ๆ จากญี่ปุ่นได้โดยง่าย ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถสร้างการเชื่อมต่อแบบ cloud-to-cloud ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับสถาปัตยกรรมแบบมัลติคลาวด์ ด้วย Megaport Cloud Router ซึ่งเป็นบริการเราเตอร์เสมือนที่ทรงพลัง
ประโยชน์ที่จะได้รับ ประกอบด้วย:
- ทางเลือก: Megaport มอบการเข้าถึงศูนย์ข้อมูลและคลาวด์ระดับชั้นนำของอุตสาหกรรมได้โดยตรงและเป็นส่วนตัว ครอบคลุมระบบคลาวด์ 141 ระบบ และศูนย์ข้อมูลมากกว่า 525 แห่ง ซึ่งรวมถึงในโตเกียว
- ความเสถียรและปลอดภัย: เชื่อมต่อได้อย่างเป็นส่วนตัว โดยตรง และเชื่อถือได้ ทำให้ไม่ต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ตสาธารณะ
- แพร่หลาย: ระบบนิเวศระดับโลกที่ประกอบด้วยผู้ให้บริการกว่า 350 ราย ซึ่งรวมถึง Alibaba, AWS, Google Cloud, IBM Cloud, Microsoft Azure, Nutanix, Oracle Cloud, Salesforce และ SAP
- ใช้ง่าย: สนับสนุนสถาปัตยกรรม hybrid cloud, multicloud และ cloud-to-cloud ผ่านทางการ point-and-click ด้วยอุปกรณ์อัจฉริยะ Megaport Cloud Router
- ประสิทธิภาพ: ปรับรูปแบบการใช้งานให้เข้ากับพื้นที่ให้บริการ และหยุดการส่งข้อมูลเมื่อทราฟฟิกหนาแน่น
- ปรับขยายได้: ด้วยการเชื่อมต่อที่ยืดหยุ่น จึงสามารถรองรับความต้องการของธุรกิจ และสอดคล้องกับรูปแบบการใช้บริการคลาวด์
"ญี่ปุ่นได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในตลาดคลาวด์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเติบโตต่อเนื่องในอัตราที่รวดเร็วตลอดหลายปีที่ผ่านมา" Josh Munro รองประธานบริหารประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (EVP APAC) ของ Megaport กล่าว "Megaport ตืนเต้นเป็นอย่างมากกับการเปิดตัวบริการต่าง ๆ ในโตเกียว ความเคลื่อนไหวครั้งนี้จะเป็นโอกาสสำหรับลูกค้าปัจจุบันของเราในการที่จะเติบโตไปพร้อมกับ Megaport ขณะเดียวกันก็จะเป็นการสร้างโอกาสใหม่ ๆ สำหรับ Megaport ในการให้บริการพาร์ทเนอร์และลูกค้าของเราในญี่ปุ่น เราขอขอบคุณอย่างจริงใจสำหรับพันธมิตรด้านคลาวด์และศูนย์ข้อมูล ที่ช่วยให้เราดำเนินงานได้อย่างเข้มแข็งและขยายขอบเขตบริการในญี่ปุ่น เราตั้งตารอที่จะขยายบริการไปยังโอซากาในปี 2020 พร้อมสานต่อและต่อยอดพื้นฐานอันเข้มแข็งที่เราได้สร้างไว้"
"ผู้ให้บริการคลาวด์ทั้งหลายได้ลงทุนมหาศาลในญี่ปุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการใช้บริการคลาวด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง" Vincent English ซีอีโอของ Megaport กล่าว "บริษัทต่าง ๆ ในญี่ปุ่นหันมาใช้ผู้ให้บริการหลายรายเพื่อช่วยสร้างบริการไอทียุคใหม่ Megaport จึงตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับศูนย์ข้อมูลชั้นนำทั่วประเทศเพื่อขยายบริการคลาวด์ไปยังโครงสร้างพื้นฐานไอทีของบริษัทเหล่านั้น บริการ Megaport Cloud Router ในญี่ปุ่นจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อผู้ให้บริการหลายรายเข้าด้วยกันโดยตรงสำหรับการใช้งานในรูปแบบ cloud-to-cloud โดย Megaport Software Defined Network (SDN) นำเสนอทางเลือก ความยืดหยุ่น และการใช้งานง่าย ผ่านทางเครือข่ายระดับโลกเพียงเครือข่ายเดียว ซึ่งช่วยให้ธุรกิจมุ่งหน้าสู่คลาวด์ได้ง่ายและเร็วขึ้น"
ปัจจุบัน Megaport ให้บริการในโตเกียวแล้ว และจะขยายบริการไปยังโอซากาภายในเดือนมีนาคม 2020
