แม้ว่าโลก จะมีน้ำเป็นองค์ประกอบถึง 3 ใน 4 ส่วน แต่ประชากร 1 ใน 5 ของโลกกลับขาดแคลนน้ำสะอาดสำหรับการบริโภค เพราะโลกมีน้ำจืดเพียงร้อยละ 2.5 เท่านั้น ส่วนที่เหลือร้อยละ 97.5 เป็นน้ำเค็ม และที่สำคัญ 2 ใน 3 ของปริมาณน้ำจืดที่มีอยู่ ก็อยู่ในสภาพของน้ำแข็ง หรืออยู่ใต้ดิน ดังนั้นน้ำบนดินที่ปรากฏให้เห็นในแม่น้ำ คู คลอง จึงถือว่าเป็นน้ำส่วนน้อยที่สามารถทำประโยชน์ให้ต่อสิ่งมีชีวิตได้
ดังนั้น ปัญหาเกี่ยวกับการขาดแคลนน้ำ จึงมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด น้ำใน
แม่น้ำหลายสายของโลกลดลง ทำให้องค์กรระหว่างประเทศต่างๆ เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของวิกฤตน้ำที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้องค์กรสหประชาชาติ (UN) ได้กำหนดเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals หรือ UN SDGs) เพื่อเป็นเป้าหมายเกี่ยวกับการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับนานาชาแห่งสหัสวรรษ โดยเป็นทิศทางของการพัฒนาในปี 2558 - 2573 ประกอบด้วยเป้าหมายหลัก 17 เป้าหมาย
ซึ่ง น้ำสะอาดและการสุขาภิบาล เป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายที่ทางองค์กรสหประชาชาติให้ความสนใจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ทางภาคเอกชนจึงเริ่มมีแนวคิดเกี่ยวกับการวัดค่าการใช้น้ำในการผลิตที่ส่งผลทั้งทางตรง และทางอ้อมแก่ผู้บริโภค ในทุกขั้นตอนของการผลิตสินค้า และบริการนั้นๆ ทำให้เกิดเป็นระบบ Water Footprint ขึ้น เพื่อเป็นเครื่องชี้วัดที่ชัดเจน ให้เห็นถึงปริมาณน้ำที่ใช้ และปริมาณน้ำเสียที่ปล่อยออกมา
วอเตอร์ฟุตพริ้นท์สามารถแยกออกเป็น 3 ส่วน คือ ดังนี้
1. วอเตอร์ฟุตพริ้นท์สีน้ำเงิน (Blue Water Footprint) คือ ปริมาณน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติทั้งแหล่งน้ำผิวดินเช่น น้ำในแม่น้ำทะเลสาบรวม ทั้งน้ำในอ่างเก็บกักน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ และแหล่งน้ำใต้ดินอันได้แก่ น้ำบาดาล ที่ใช้ในการผลิตสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการ ของผู้บริโภค
2. วอเตอร์ฟุตพริ้นท์สีเขียว (Green WaterFootprint) หมายถึง ปริมาณ น้ำที่อยู่ในรูปของความชื้นในดินที่ถูกใช้ไปในการผลิตสินค้าและบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตพืชผลทางการเกษตร การทำไม้ และ ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์
3. วอเตอร์ฟุตพริ้นท์สีเทา (Gray Water Footprint) หมายถึง ปริมาณน้ำเสียที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตสินค้าและบริการ ซึ่งคำนวณจากปริมาณน้ำที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสียให้เป็นน้ำดีตามค่ามาตรฐาน
ล่าสุดทางกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบประกาศนียบัตรเข้าร่วมโครงการประเมินการใช้น้ำบาดาลตลอดวัฎจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Water Footprint) แก่บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ให้กับโรง
งาน 2 แห่ง (โรงงานแปรรูปเนื้อไก่ สระบุรี และโรงงานอาหารแปรรูป มีนบุรี 2) พร้อมรับมอบฉลากวอเตอร์ฟุตพรินต์ผลิตภัณฑ์ไก่สดและอกไก่นุ่ม นับเป็นบริษัทนำร่องที่ร่วมโครงการเพื่อนำไปสู่การอนุรักษ์การใช้น้ำที่สนองตอบต่อความต้องการด้านความยั่งยืนในระดับโลก
เพื่อการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรจากต้นน้ำถึงปลายน้ำของ ซีพีเอฟ จะช่วยให้การประเมินการใช้ทุกขั้นตอนทำได้อย่างถูกต้องแม่นยำ สะท้อนความเป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการทวนสอบความถูกต้องจากหน่วยงานภายนอกเพื่อความโปรงใส และเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคอีกทางด้วย