ฟุตบอลโลก 2018 ที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ได้เริ่มรอบแบ่งกลุ่มกันแล้ว แต่ปัญหาในประเทศไทยคือ ยังไม่มีใครซื้อลิขสิทธิ์ด้วยเหตุผล 2 ประการคือ 1. ค่าลิขสิทธิ์แพงขยับขึ้นราคาแบบก้าวกระโดด ตามข้อมูล ราคาขึ้นไปสูงถึง 50 ล้านเหรียญหรือราว 1,700 ล้านบาท 2. ซื้อมาแล้วต้องฉายให้ดูฟรี ห้ามเก็บเงินผู้ชม ส่งผลให้เอกชนไม่ว่ารายใด ต่างก็ถอยกรูดไปตามๆ กัน 3. ประกาศของ กสทช. ที่เรียกกันว่า กฎ “MUST HAVE” กำหนดให้ 7 ชนิดกีฬา ที่ไม่ว่าใครจะซื้อลิขสิทธิ์มา ก็ต้องฉายทางฟรี
ทีวีทั้งหมด ห้ามกั๊กไปขายกล่องหรือเก็บเงินค่าดูแบบ “เพย์เพอวิว” โดยมี “ฟุต
บอลโลกรอบสุดท้าย” รวมอยู่ด้วย ถ้ายังจำกันได้ ก่อนฟุตบอลโลก 2014 อาร์เอส เจ้าของลิขสิทธิ์ในไทย ประกาศจะถ่ายทอดสดให้ชมทางฟรีทีวี 22 จาก 64 คู่ ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ขั้นต่ำของฟีฟ่า ส่วนที่เหลือถ้าอยากชมต้องซื้อ “กล่องฟุตบอลโลก” ที่บริษัทผลิตออกวางจำหน่าย ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในตอนนั้น เพราะคนไทยเคยดูฟุตบอลโลกฟรีมาโดยตลอด
ถ้าย้อนกลับไปตอนปี 2002 และ 2006 ยุค “ทศภาค” ซื้อบอลโลกมาให้คนไทยดูฟรี มีเบียร์ช้างเป็นสปอนเซอร์ ค่าลิขสิทธิ์รวม 2 สมัย ประมาณ 7.5 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นค่าเงินตอนนั้น 300 ล้านบาท อีก 2 ครั้งถัดมา 2010 และ 2014 ยุคอาร์เอส ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขชัดๆ แต่ประเมินว่าน่าจะมากกว่าเดิมประมาณ 1 เท่าตัว
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ให้สัมภาษณ์ว่า จะทำแผน
งานเสนอวีระศักดิ์ โค้วสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อขอเสนอให้รัฐเป็นเจ้าภาพซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก ปี 2018 จัดการแข่งขันที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ซึ่งไทยยังไม่ได้ลิขสิทธิ์มาถ่ายทอด โดยรัฐมนตรีท่องเที่ยวคนใหม่ จะมาเยี่ยมการกีฬาฯราววันที่ 4 มกราคม 2561 แต่คาดว่าจะเสนอแผนงานให้พิจารณาภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งถ้าไทยได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลโลกมา จะถ่ายทอดให้ประชาชนชมฟรี