เรื่องล่าสุดของหมวด
5 สาเหตุที่ซื้อครีมมาใช้แล้วไม่เห็นผล!
Drunk Elephant แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ Sweet Biome Spray สเปรย์บำรุงผิวหน้า
BVLGARI ALLEGRA เปิดตัว 5 กลิ่นหอมสุดพิเศษ ให้สัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์แบบอิตาลี
Alteya Organics พลังกุหลาบจากธรรมชาติ เพื่อผิวสุขภาพดีและกระจ่างใส
Clarins แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ UV plus [5P] ปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ
รู้จักสิว 6 ประเภท พร้อมวิธีดูแลรักษาให้ผิวหน้าเรียบเนียนใส
Furla เปิดตัวคอลเลคชั่นฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาว 2021 แบบ Virtual
"แต้ว ณฐพร" ในชุดออกกำลังกายเซ็กซี่ คอลเลคชั่นพิเศษ Kloset X Wakingbee
ตะปูตัวละแสน กำไล Cartier รุ่นนี้ สร้างบ้านไม่ได้แต่อวดได้
"อาดิดาส" แท็กทีม "บียอนเซ่" ปล่อย “ICY PARK” คอลเลกชั่นสุดปัง IVY PARK ดร็อป 3
แซ่บวูบวาบ! 30 แฟชั่นเสื้อเปิดหลัง เซ็กซี่แบบเย็นสบาย
แต่งตัวสวย สง่า ได้ทุกสถานการณ์ไปกับ Vickteerut คอลเลกชั่น Spring/Summer 2021
5 วิธีเอาชนะใจหนุ่ม-สาว introvert ทำอย่างไร ต้องไปดู
วิธีทำ "ข้าวผัดแหนม" เมนูอร่อย กลมกล่อม อร่อยง่ายๆ ทำเองได้ที่บ้าน
มีไว้จะดีนะ "ทะเบียนสมรส" ถืออยู่อุ่นใจกว่าเยอะ
เจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิล ทรงยืนยันไม่กลับมาทรงงานราชวงศ์
6 วิธีตามหารักดีๆ ของเจ้าสาวกลัวฝน
รวม "แคปชั่นเซิร์ฟสเก็ต" ฮิตหนักขนาดนี้ เซฟเลย ยอดกดไลก์พุ่ง
หน้า: 1
แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?
สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาวเว็บบอร์ดทุกคนเราเป็นเว็บบอร์ดหน้าใหม่ วันนี้เราไม่รู้ว่าจุะมาพูดคุยเรื่องอะไรดี เราเลยนึกเรื่องนึงที่อยากจะเเชร์ให้ทุกๆคนได้อ่านกัน เป็นประสบการณ์ค่ะ เรื่องก็มีอยู่ว่าเริ่มจากตอนที่เราอยู่มอสามนะคะ เราอยู่โรงเรียนหญิงล้วนชื่อดังเเห่งหนึ่ง ตอนนั้นเราก็เป็นเด็กๆธรรมดาๆนี่เเหละไม่ได้มีอะไรพิเศษ เเต่ว่าเราเป็นคนที่รักเพื่อนมากกกกก เพื่อนในกลุ่มเราจะเข้าใจเราทุกคนว่าเราเป็นไงรู้สึกยังไงเเล้วก็ต้องการอะไร เรากับเพื่อนๆชอบทานข้าวด้วยกัน ชอบเดินเที่ยวด้วยกัน เเต่ว่าพวกเราไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันนะคะ เเต่พอถึงเวลาเรียนเราก็เเยกย้ายกันเข้าห้องเรียนเป็นงี้ทุกวันๆไป จนมาตอนมอสาม ตอนนั้นเราเเอบชอบรุ่นพี่อยู่คนนึงค่ะ เราคุยกับรุ่นพี่คนนั้นได้สักพักเเล้วก่อนที่เราจะพูดความรู้สึกที่เรามีออกไป เเต่ว่ารุ่นพี่คนนั้นมีเเฟนเเล้ว ตอนนั้นเราเสียใจฟูมฟายมาก เพราะว่าเราคุยกับรุ่นพี่คนนั้นมาตั้งนานเเล้วเสียใจตรงที่พี่เขาไม่เคยบอกเลยว่ามีเเฟนไปเเล้ว ถ้าเป็นงั้นเราคงตัดใจไปเนิ่นๆ ก็นั่นเเหละค่ะเรามาร้องไห้ับเพื่อนๆของเรา เพื่อนทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า 'ไม่ต้องไปเสียใจหรอก ปล่อยเขาไปเถอะ อย่างน้อยเเกก็มีพวกเค้า' ตอนนั้นเราก็เเอบดีใจนะคะที่อย่างน้อยก็มีเพื่อนนี่เเหละที่อยู่ข้างๆเราตลอด ตอนนั้นที่เราเฮิร์ทๆ เราก็คุยกับเพื่อนเราคนนึงในกลุ่มค่ะ ขอให้นามเเผงว่า 'เอ' ละกันนะคะ ตอนนั้นเราเอาเเต่คุยกับเอ เล่าให้เอฟังว่าเรารู้สึกไงเจ็บปวดยังไง เอเป็นเป็นเพื่อนสนิทเรามาก เเละก็ปลอบเราตลอด ขนาดเราลุกขึ้นมาไลน์หาเอตอนตีสองเอก็ลุกขึ้นมาตอบ เราเหงามากเพราะไม่มีใครคุย เราก็โทรไปขอดูหนังกับเอ เอก็ตื่นมาเปิดทีวีละดูหนังกับเรา นึกออกมั้ยอะคะ555 เเชทกันผ่านไลน์เเล้วเปิดหนังเรื่องเดียวกันดู 55ตอนนั้นเราก็รู้สึกหายเหงาไปเลยค่ะ เราสองคนทำอะไรเเบบนี้มาซ้ำเเล้วซ้ำเล่า จนผ่านไปปีนึงเราลองมาทบทวนดูว่าทำไมเรารู้สึกมีความสุขจังเลย มันทำให้เราลืมไปเลยว่าเราอกหัก เราไม่มีคนคุย เเต่ในเวลาเดียวกันเรากับไม่ต้องการใครมาคุยให้หายเหงา เเต่เรากลับชอบที่จะอยู่กับเอไปทุกวันๆ เเละตอนนั้นเราก็ติดว่าเอก็รู้สึกเเบบนั้นด้วย เวลาผ่านไป มันยิ่งย้ำให้เราเริ่มรู้สึกว่าการได้อยู่กับเอมันโคตรเจ๋ง คือมันดีมากกกกก คือเราได้เป็นตัวของตัวเอง อยาทำไรก็ทำ ไม่ต้องวางตัวดีก็ได้ อยู่กับเอเเล้วเรารู้สึกว่าเราหัวเราะได้ตลอดเวลา ยิ้มได้ตลอดเวลาอันนี้ไม่ได้เวอร์นะ5555 เป็นจริงๆ จนถึงตอนที่เราจะจบม.3 เราเพิ่งรู้ว่าเอจะต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตอนม.4 ตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดไรก็ยินดีที่เพื่อนตัวเองจะโกอินเตอร์กับเขาบ้าง5555 วันปัจฉิมเอได้จูงมือเราไปถ่ายรูปกับรุ่นพี่ เราเห็นเอก็จะไม่อยู่โรงเรียนเดียวกับเราเเล้วเหมือนกัน เราเลยหยิบลูกโป่งในมือเราให้เออันนึง เราพูดว่า 'โชคดีมากๆนะเเก' เอก็ยิ้มเเล้วบอกว่า 'อื้อ' ตอนนั้นก็ไม่รู้ยังไง บรรยากาศข้างๆมันเงียบๆลงเเบบเเปลก ในใจเรามันเริ่มโหวงๆเรามองหน้าเอคือตอนนั้นพูดในใจว่า เห้ย มันไม่จริงใช่ป่ะวะ อยากให้มันเป็นเเค่ความฝันจริงๆ คือความรู้สึกตอนนั้นมันเริ่มไม่ใช่เเค่เพื่อน ยิ่งมองหน้าเอ ยิ่งรู้สึกชัดขึ้นๆเรื่อยๆว่า เห้ย...นี่เราชอบมันหรอวะ เเล้วเราก็โผลกอดมันเลย คือมันไม่มีเหตุผลอะ ตอนนั้นเอมันก็คงน่าจะงงๆ 55 น้ำตาเราก็เริ่มไหลออกมาๆ เราก็ปาดน้ำตาก่อนที่จะมามองหน้ามันอีกรอบ โห.. ชัดเลย เราชอบมันจริงๆ555 ตั้งเเต่วันปัจฉิมวันนั้น เราก็กลับมาร้องไห้เกือบทุกวัน คือตอนเเรกเราไม่ยอมรับว่าเราชอบมัน ในใจเราคิด.. เห้ยนั่นมันเพื่อนสนิทเรานะเว้ย ชอบไม่ได้ เเต่ยิ่งคิดน้ำตามันก็ยิ่งไหลออกไหลออก ตอนนั้นเราก็ไม่กล้าเจอหน้าเอ เเต่เอชวนเราไปเดินเที่ยว เราก็เลยออกไปหาเอเเล้วก็เดินเล่นกันปกติ บรรากาศทุกอย่างมันมีความสุขมาก มีความสุขเหมือนนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เห็นหน้ากัน เเล้วมันก็คือความจริงค่ะ นี่เป็นครั้งสุดท้ายจริงๆที่เราได้เจอหน้ากัน ยิ้มให้กัน เดินจับมือกัน ตอนนั้นเอบอกเราว่า เอจะไปต่างประเทศตอนปลายๆเดือนเมษา เอบอกว่า 'ตอนนี้วีซ่าเค้าผ่านเเล้วนะ เค้าคงได้ไปเร็วๆนี้เเหละ' ตอนนั้นบรรยากาศเงียบลงอีกรอบ เราถามเอว่า เอจะกลับมาใช่มั้ย เเต่เอบอกว่า 'บ้า555 เค้าคงไม่ได้กลับมาอีก เค้าคงต้องไปอยู่ที่นั่นถาวรเลยอะ' ตอนนั้นเราอึ้งสักพักก่อนที่น้ำตาเราจะไหลออกมาสดๆเลย //ต่อหน้าเอค่ะคุณผู้โช้มมม ตอนนั้นเอก็อึ้งเลยล่ะค่ะ55 เอบอกเราว่า 'อย่าร้องดิ่ เค้าจะกลับมาหาเเกนะ... รอเค้าหน่อย' ตอนนั้นเราก็ร้องเลยเเหละค่ะไม่เเคร์โลกเเล้วว55 ตอนนั้นเอกอดเราเอาหัวเอาซบอกมัน คนก็มองประมาณสองคนนี้มันเศร้าไรกันวะ5555 ก็จนมาถึงวันที่เอต้องขึ้นเครื่องน่ะเเหละค่ะ ตอนนั้นเป็นตอนตีสี่ครึ่ง เราไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุก เเต่เรานอนไม่หลับทั้งคืนเลย เราตื่นมาไลน์หาเอว่าเป็นไงบ้าง ตอนนั้นเออยู่สนามบินเเล้ว มันเช้ามากเพราะเอมีขึ้นเครื่องตอนเเปดโมงตรง ตอนนั้นเราพยายามไม่ร้องไห้ เเต่มันก็ทำไม่ได้จริงๆค่ะ เวลาเราจะเสียใครไปสักคนโดยที่เราทำไรไม่ได้เนี่ยเเหละเจ็บปวดที่สุดเเล้ว เราคุยกับเอตั้งเเต่ตีสี่ครึ่งกว่าๆจนเเปดโมง ถึงเวลาละค่ะ... เวลาที่ต้องเเยกย้ายกัน เวลาที่ทุกคนต้องไปทำหน้าที่ของตัวเอง เอไปขึ้นเครื่อง เอบอกเราว่าถ้าถึงที่โน่นเเล้วจะไลน์มาหานะ เฮ้อ... ก็อย่างว่าล่ะค่ะ ใจมันเหมือนหมดอะไรตายอยากเลย ตอนนั้นรู้เลยว่า หัวใจของตัวเองกำลังบินลัดฟ้าไปตามหาความฝันของมันเเล้ว... ก็ขอพอเเค่นี้ก่อนนะคะขอบคุณมากๆที่เข้ามาอ่านเรื่องของเรา เเต่มันยังไม่จบเเค่นี้ เอาไว้เราจะเล่าใหม่ในกระทู้ต่อไปนะคะ
มาต่อละค่าาตามที่พูดไว้เมื่อวาน วันที่เอขึ้นเครื่องวันนั้นเราเหว๋อมากๆ วันนั้นทั้งวันเราไม่รู้จะทำอะไรดี ไม่รู้จะทำไงให้หายเบื่อหายเหงา เราเอาเเต่นั่งจ้องโทรศัพท์ คิดว่าเมื่อไหร่เอจะถึงเเล้วไลน์มาหาเราสักที เวลาประมาณสองทุ่มค่ะ เอไลน์มาบอกว่าถึงที่โน่นเเล้วนะ หนาวมากๆเลย เอใช้เวลาบินประมาณเก้าชั่วโมงเศษได้ค่ะ ตอนนั้นเวลาที่โน่นประมาณ หกทุ่ม เเต่ที่ไทยยังเเค่ สองทุ่มอยู่ ตอนนั้นเอเหนื่อยมาเลยบอกว่าขอไปนอนก่อนเดี๋ยวตอนเช้าตื่นขึ้นมาละจะทักนะ เนี่ยค่ะเราสองคนเป็นเเบบนี้ตั้งเเต่ที่ไทยจนเอไปอยู่เมืองนอก บางทีก็คิดว่าสิ่งที่เราทั้งคู่กำลังทำอยู่มันไม่ค่อยเหมือนเพื่อนทำให้กัน มันเหมือนเเฟนกันซ้ะมากกว่า เพราะถ้าเหมือนเพื่อนกัน ทำไมต้องชอบสัญญากันไว้ว่าจะทักไปตอนโน้นตอนนี้ ก็นั่นเเหละค่ะ ชีวิตของเอที่โน่นตอนเเรกๆเอต้องไปสมัครเรียน เเล้วก็ทำงานพาร์ทไทม์ที่โน่นด้วยก็เลยค่อนข้างยุ่งๆหน่อย เเต่เราก็ติดต่อกันตลอดค่ะ เเต่ก็อย่างว่าก็คือ เวลาเราสองคนไม่ตรงกันเลยสักนิด อีกคนตื่น อีกคนยังหลับ บทสนทนาของเราทั้งสองคนเลยสั้นลงเรื่อยๆ คือบางทีก็ได้คุยกันวันละครั้ง หรืไม่ก็มากสุดคือสองสามครั้งค่ะ เราเลยคิดว่าเอคงจะยุ่งได้คุยกันเเค่นี้ก็ดีใจเเล้วเเหละ จนเวลาผ่านไปได้ประมาณสองเดือนค่ะ ตอนนั้นเอกำลังเฮิร์ทๆ เอบอกเราว่าเอชอบผู้ชายอยู่คนนึง ซึ่งก็เป็นเพื่อนสนิทของเอที่ต่างประเทศเหมือนกัน เอบอกว่าเพื่อนคนนั้นชอบมารับมาส่งเอที่บ้านทุกวันเลย เเถมพาเอไปเที่ยวด้วย ตอนนั้นเราก็เอ๋เลยเเหละค่ะ เพราะเราคุยกับเอมาตลอดเอไม่เห็นเคยพูดว่าชอบใคร จนเอมาบอกก็วันนี้ซึ่งเป็นวันที่เอกำลังอกหักนี่เเหละค่ะ ตอนนั้นเราเองก็จุกไปเลยเพราะเรารู้อยู่เเก่ใจอยู่เเเล้วว่าเราเเอบชอบเอ เอก็โทรมาจากที่โน่นอ่ะค่ะ โทรมาร้องไห้กับเรา เอเล่าทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับเพื่อนคนนั้นที่เอเเอบชอบให้เราฟัง ตอนนั้นก็พูดไรไม่ออกเลยอะค่ะ เรียกได้ว่าน้ำท่วมปากเลยเเหละ เราได้เเค่เออๆ อืมๆ ตามที่เอมันเล่า เเต่คือตอนนั้นเราก็เเอบร้องไห้อยู่ด้วยนะคะตอนโทรคุยกับเอ คือมันทนไม่ไหวเเล้วจริงๆตอนนั้น เราก็เลยพูดปลอบใจเอไปประโยคสองประโยคเเล้วเราก็วางสายค่ะ ตอนนั้นเราเเอบโกรธนะ โกรธเพื่อนของเอ คนนั้นที่เขาทำให้เอร้องไห้ ทำให้เอเจ็บ เเละในใจเราก็มีคำถามเยอะมาก ที่อยากถามเอ เเต่มันก็พูดไม่ออก เราก็ได้เเต่เก็บทุกอย่างไว้คนเดียว เเล้วเวลาผ่านไป เอดีกับเพื่อนคนที่เอเเอบชอบเเล้ว ตอนนั้นเอมีความสุขมาก เอไม่ตอบไลน์เราเป็นอาทิตย์เลย ตอนนั้นทางเราเองก็เหงาไปเลยเเหละค่ะ ความจริงก็ควรเหงาตั้งเเต่ที่เอไปนอกเเล้วเเหละ5555 ทีนี้มาวันนึงเอก็โทรมาหาเราค่ะ เอบอกว่าเอกลับมาคุยกับเพื่อนคนนั้นเเล้ว ตอนนั้นหนูสัมผัสได้เลยว่าเอดีใจมาก เเล้วก็กำลังสัมผัสได้อีกพลังงานนึง... นั่นก็คือเรานี่เเหละค่ะ กำลังจะเสียใจมากเช่นกัน ตอนนั้นเอพูดอะไรเยอะมากๆ เอบอกว่าอยู่ที่โน่นเอมีความสุขมาก ย้ำ!! มีความสุขมาก โห.. ตอนนั้นเราใจหายวาบเลย คิดในใจว่าถ้าเขามีความสุขขนาดนี้สักวันเขาจะยังต้องการเราอยู่มั้ย... เเต่เราก็ทำไรไม่ได้ข่าาา เราเป็นเเค่เพื่อนเนาะๆ just friend ไม่รู้ว่าตอนนี้เราโดนจัดไปอยู่ในหมูเฟรนด์โซนของเอเเล้วหรือยัง ก็นั่นเเหละค่ะ เอก็เล่าไป นึกสภาพว่ามีสองฝั่งก็ได้ค่ะ คืออีกฝั่งนึงกำลังเล่าทุกอย่างที่เจอมาอย่างโคตรมีความสุข ตักภาพมาที่อีกฝั่งที่ไทย... นั่งน้ำตาไหลพรากๆๆ เป็นน้ำตกเลยค่ะ เเต่เราก็ไม่กล้าบอกเอนะว่าเราร้องไห้ เรากลัวเอถามว่าเป็นอะไร เเล้วก็กลัวเอรู้ด้วยว่าเราเเอบชอบเอ ตอนนั้นเราก็ต้องใช้ความอดทนนิดหน่อยค่ะ ประมาณ4ชั่วโมงได้ที่เราโทรคุยกัน เราพยายามไม่สะอึกสะอื้น ถ้าไม่ไหวก็พักสายนิดหน่อยละก็คุยต่อ ประมาณนั้นอะค่ะ คือตอนนั้นถ้าย้อนกลับไปมองเราก็สงสัยอยู่นะคะ ว่าเราผ่านมันมาได้ยังไง เจ็บมากมั้ย เเต่ก็เอาเป็นว่าเราไม่ได้อดทนเพื่อเอ อะค่ะ เพราะเราเป็นคนความอดทดต่ำมาก ที่เราทนฟังทุกอย่าได้ขนาดนั้นเพาะว่าเราชอบเอต่างหาก เวลาผ่านไปเราคุยกับเอเเค่อาทิตย์ละครั้งประมาณนั้นค่ะ จนเอบอกว่า เอต้องย้านไปอยู่อีกเมืองของประเทศนั้น #เดี๋ยวจะมาต่อใหม่นะคะ ขอทานข้าวก่อน
นั่นก็หมายความว่า เอต้องย้ายโรงเรียน ย้ายบ้านด้วยค่ะ ตอนนั้นเอก็เสียใจอีกรอบเพราะเอจะไม่ได้เจอเพื่อนคนนั้นเเล้ว ตอนนั้นเรานี่เเหละค่ะ ต้องเป็นคนที่คอยนั่งฟังเอระบายอีกรอบซึ่งก็เป็นสิ่งที่เราเต็มใจจะทำ เฮ้อ... ยากนะคะ ก็เอมันเพื่อนสนิทเราเหมือนกันนี่.. เวลาเอเป็นไร เเอบชอบใคร คนเรกที่จะรู้เเล้วก็ต้องอยู่ข้างๆตลอดก็คือเพื่อนนี่เเหละค่ะ เเล้วก็ต้องสตรองด้วยถ้าเพื่อนอย่างเราดันไปเเอบชอบมันซ้ะอย่างนั้น ตอนที่เอต้องย้ายบ้าน ตอนนั้นประมาณปีใหม่ค่ะ ก็อย่างว่าใช่มั้ยคะ เวลามันห่างกันสามชั่วโมง เราก็ต้องเคาท์ดาวคนละเวลากันด้วย ตอนที่เอเคาท์ดาวตอนนั้นที่ไทยเพิ่งจะสามทุ่มเองค่ะ เราเลยเคาท์ดาวปีใหม่สองครั้งเลย 555ตอนนั้นเราถามเอว่า 'เเกมีคนเคาท์ดาวด้วยยังวะ'เอบอกเราว่า 'ไม่มีว่ะ' เราก็เลยบอกเอไปว่า 'งั้นมาเคาท์ดาวกันมั้ยล่ะ' เอเลยบอกเราว่า 'ห่างกันตั้งนานนะ เอาจริงดิ' เราบอกไปว่า ' เเกจะได้ขอพรปีใหม่ด้วยไง'เอบอกว่า 'ได้ดิ มาเคาท์ดาวกัน' ตอนนั้น มันเป็นความสุขข้ามเวลาที่พูดไม่ถูกจริงๆค่ะ ทั้งคู่ที่เวลาไม่เคยตรงกันเลยเเต่ดันมาเคาท์ดาวปีใหม่ด้วยกัน สิ่งมหัศจรรย์ของโลกมากค่ะ5555 หลังจากเคาท์ดาวเสร็จ เราก็พูดอะไรๆกันหลายเรื่อง พูดถึงเรื่องที่ผ่านมา เเต่เราถามเอไปเรื่องนึงค่ะเราถามเอว่า 'ถ้าสมมุติว่ามีคนมาชอบเเก เเกจะทำไง 'เอบอกเราว่า 'ใครล่ะ'เราบอกเอว่า 'สมมุติไง ถ้าคนนั้นเป็นคนที่เเกปฎิเสธไม่ลงด้วย'เอเลยบอกว่า 'เค้าต้องดูก่อนอะ ตอนนี้เค้ายังไม่พร้อมจะดูเเลใครจริงๆ'เราบอกว่า 'เเล้วสมมุติว่าคนที่ชอบเเกเป็นเพื่อนเเกล่ะ'เอบอกว่า 'ไม่รู้ดิ่ ใครล่ะจะมาชอบเค้า' ตอนนั้นเราไปไม่เป็นเลยค่ะ อยากบอกมันนะว่าเรานี่เเหละที่ชอบมัน เเต่เราว่าเอมันคงรู้อยู่เเล้วว่าเราชอบมัน เพราะ...เราพูดกับมันว่า 'เค้าเเอบชอบคนอยู่คนนึง เเต่เค้าไม่กล้าบอกมันว่ะ'เอบอกว่า 'ใคร!! ทำไมเเกถึงไม่เล่าเค้า'เราบอกว่า 'ก็นะ.. (ก็เเกน่ะสิ่)เค้าบอกเเกไม่ได้จริงๆ มันเป็นคนใกล้ ตัวเรามากๆ ถ้าเค้าบอกชอบมันมันอาจจะเกลียด เค้าไปเลยก็ได้'เอบอกว่า 'เเล้วเเกเคยทำไรให้มันรู้มั้ยล่ะว่าเเกชอบมัน'เราบอกว่า 'ไม่รู้ดิ ทุกๆอย่างที่ทำมันก็ดูธรรมดาๆ มันไม่คิดไรหรอก'เอบอกว่า 'เเล้วมันชอบเเกมั้ย?'เราบอกว่า 'ไม่หรอก... เป็นเเค่เพื่อนกันเอบอกว่า 'ลองบอกมันดูสิ่ๆ มันอาจจะไม่ได้คิดเเบบนั้นก็ได้'เราบอกว่า ' นี่เค้าก็พยายามบอกมันอยู่นะ... มันยังไม่รู้ตัวเลย"เอบอกว่า ' มันอาจจะรู้.. เเต่เเกล้งทำเป็นไม่รู้ก็ได้' หลังจากประโยคนั้นเราก็เงิบไปเลยค่ะ คิดในใจว่าหรือว่าเอจะรู้เเล้วว่าเราชอบมัน ไม่หรอก ก็เราไม่เคยบอกมันนี่ จากนั้นเราก็เเยกย้ายกันไปนอนค่ะ ประโยคนั้นมันทำให้เราคิดอยู่ตลอดในหัวเราว่า หรือว่าเอมันรู้เเล้ว.. #เดี๋ยวจะกลับมาเล่าต่อคราวหน้านะคะ พอเเค่นี้ก่อนละกัน
ห่างหายไปนานมากกกก วันนี้เรามาเเล้ววว ต่อเลย หลังจากนั้นชีวิตความเป็นเพือนของเราทั้งคู่ก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างที่เราคิดไว้จริงๆค่ะ มันเริ่มเเปลกๆไป เริ่มไม่กล้าพูดไรกันมากเหมือนเมื่อก่อน ไม่กล้าปรึกษาเรื่องความรักของกันเเละกัน อ้อ!!ลืมบอกค่ะ ว่าตอนที่เราบอกเอ เอถามเราว่าจะเอาไงต่อล่ะ เพราะเราสองคนอยู่ห่างกันมาก จะเป็นเเฟนกันได้ยังไง จะรักกันได้ยังไง ตอนนั้นเราก็เศร้าค่ะ เพราะขนาดตัวเราเองเรายังไม่รู้เลยค่ะว่าชีวิตต่อจากนี้จะ goes on ยังไง เราเลยบอกเอไปว่า ไม่เป็นไรหรอกเราเเค่บอกเฉยๆ เพราะเรารู้ว่ายังไงก็เป็นไปไม่ได้อยู่เเล้วอะ อยู่ไปเฉยๆละกันเนาะ ทำเป็นว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ จะได้ไม่ลำบากใจกันทั้งสองฝ่าย นั่นเเหละค่ะ จากนั้นเราก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นความรู้สึกของกันเเละกันทั้งสองฝ่าย เเต่มันเจ็บปวดมากนะคะ เพราะเอนิ่งมาก นิ่งเหมือนว่าไม่มีไรเกิดขึ้นเลย นิ่งเหมือนเอไม่เคยรู้ว่าเราชอบเอ นิ่งจนเราไม่คิดเลยว่าคนๆนึงที่ถูกบอกชอบจะนิ่งได้ขนาดนี จนเราย้อนกลับมาคิดว่า เห้ย... หรือเราเองต่างหากที่ไม่มีอิทธิพลอะไรต่อใจเอเลย ทั้งๆที่เราเป็นเพื่อนกันเอควรจะเป็นคนที่รู้ใจเรามากที่สุด มากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำว่าเรากำลังรู้สึกยังไง เเต่นี้มันเกิดอะไรขึ้น หรือว่าเอ พยายามจะทิ้งเราไปเเล้วจริงๆ....
ต่อนะคะ .....ก็นั่นเเหละค่ะ เพราะเรารักเอมาก เราเลยอยากคุยกับเอทุกวัน เเม้ว่าเอจะตอบบ้างไม่ตอบบ้าง ก็ดีกว่าไม่ได้คุยกันเลย... วันไหนที่เอคุยกับเราคำต่อคำเรากลับตื่นเต้นกว่าเมื่อก่อน อาจเป็นเพราะว่าความรู้สึกเรามันได้เปลี่ยนไปเเล้ว เเต่ถ้าวันไหนที่เอตอบมาเเค่ประโยคนึงละก็หานไปทั้งวัน... ก็ยังดีค่ะ ดีกว่าไม่ได้ตอบเลย บางทีเอก็ตอบอาทิตย์ละครั้งไม่ก็สองครั้งค่ะ เพราะ อยู่ที่ต่างประเทศเอต้องทำงานพาร์ททามด้วย อย่างที่บอกอะค่ะ เเล้วกว่าเอจะเลิกงานก็สี่ทุ่มเเล้ว เราเข้าใจเเหละว่าเอคงเหนื่อยมาก ก็ไม่เเปลกที่จะไม่ค่อยมีเวลาตอบไลน์เรา... อืมม... เเล้วก็ถึงวันที่เอต้องย้ายบ้านค่ะ จากอีกเมืองนึงไปเมืองนึง ตอนนั้นเอยิ่งห่างหายไปนานเลย นานมากๆ ตอนนั้นเรากระวนกระวายใจมากๆ เราถามเพื่อนเราที่ไทยว่าเอได้ติดต่อมามั้ยเพื่อนเราก็บอกว่าเอไม่ได้ติดต่อมาเลย เเล้วอยู่ๆเอก็ติดต่อมาวันถัดไปค่ะ นั่นเเหละเราก็เลยคุยกันปกติอีกครั้ง ตอนนั้นเอก็้องเริ่มปรับตัวใหม่อีกนิดหน่อย จนตอนนี้เอก็ปรับตัวได้เเล้ว เอบอกเราว่า.. เอไปเเอบชอบเพื่อนผู้หญิงคนนึง หน้าตาเพื่อนคนนั้นสวยมากค่ะ เป็นฝรั่งตาสีฟ้าเลย ซึ่งเราเองก็ไม่มีไรสู้ได้สักอย่าง5555 เศร้ามากๆ เเต่เพื่อนฝรั่งคนนั้นมีเเฟนเเล้วค่ะ เเฟนนางหล่อเวอร์วังมากกกกก เป็นฝรั่งเหมือนนางนั่นเเหละ นั่นเเหละค่ะก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เอเศร้าเพราะเอไปชอบผู้หญิงฝรั่งคนนั้นน่ะเเหละ คือตอนเเรกเราก็ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่หรอก เพราะเอก็รู้อยู่เเก่ใจว่าเราชอบเอ เเละเเน่นอนว่าเราจะต้องไม่พร้อมที่จะฟังอะไรเเบบนี้อยู่เเล้ว ที่เอจะมาบอกว่าเอชอบใคร...มันทำลายความรู้สึกเรามากๆ คือ... คงไม่มีใครใช่มั้ยคะที่อยากโดนคนที่ตัวเองรักมองข้ามความรู้สึกของเรา 'เรากำลังโดนเพื่อนสนิทมองข้ามความรู้สึกของเราอยู่' ....
ก็นั่นเเหละค่ะ จนตอนนี้เราทั้งคู่เลิกคุยเลิกติดต่อกันไปเเล้ว เราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม.. ทำไมเราทั้งคู่ถึงเลิกคุยกันไปเเบบไม่มีเหตุผลเลย เราเอาเเต่นั่งคิด พอคิดมันก็เจ็บปวด เเละร้องไห้ เรายังไม่พร้อมที่จะไปจากเอจริงๆ มันเร็วเกินไป การที่เราได้อยู่หรือได้คุยกับเอเเบบนั้นมันดีมากๆถึงเเม้มันจะเจ็บๆหน่อย หรือบาดใจเราไปบ้าง เเต่มันก็ทำให้เราหายคิดถึงกันได้บ้าง ไม่ใช่ทรมานขนาดนี้อะค่ะ ตอนนี้น่ะหรอ.. เราก็เอาเเต่นั่งมองมือถือทุกวัน ว่าเมื่อไหร่เอจะพูดไรมาบ้าง เมื่อไหร่ เเล้วก็เมื่อไหร่.. บางวันเล่นเอามือถือชุ่มน้ำเลย รอไปบางทีก็ร้องไห้ เราลองหลายอย่างมากนะ ที่จะทำให้ลืมเอได้ในเเต่ละวัน ไม่ว่าจะไปบ้านเพื่อน เที่ยวห้างดูหนัง เล่นเกมส์ อ่านนิยาย เเต่พอกิจกรรมทุกอย่างจบลง มันก็วนกลับมาที่เก่าก็คือคิดถึงอีกเเล้ว เราไม่รู้จะทำไงเลย ตอนนี้มีคนเข้ามาหาเราอยู่เหมือนกัน ความจริงเราอยากลองเปิดใจให้คนใหม่ๆบ้างนะ เเต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน จะเปิดใจยังไง สุดท้ายมันก็วนกลับมา คือรักเอเหมือนเดิม ทุกๆคนที่เข้าๆมาในชีวิตเรา.. บางคนดีมาก บางคนก็ดีเกินเหตุ มันมีหลายเเบบ บางคนอาจจะดีกว่าเอซ้ะอีก เเต่มันก็กลับไม่ใช่อยู่ดี เหมือนเราโดอะไรบางอย่างล็อกไว้ว่าต้องชอบเอ ชอบเออย่างเดียว ถึงเเม้คนอื่นจะดี เเต่เรายืนยันว่าเราโคตรชอบเวลาที่เราได้อยู่กับเอ มันเจ๋งมากอะ เราสามารถบ้าบอ ปัญญาอ่อน หรือติ๊งต๊องใส่มันโดยที่เราไม่รู้ตัวได้ ...ไม่ว่าตอนนี้เอจะเปลี่ยนไปมากขนาดไหนเเต่สำหรับเรา เอก็ยังเป็นเอคนเดิมในสายตาเราอยู่เสมอนะ
แจ้งเตือน
ภาพและเนื้อหาต่อไปนี้ ไม่เหมาะสมแก่เด็ก และเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี