สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ กรุงเทพฯ ร่วมกับ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เฉลิมฉลองมรดกแห่งสก็อตแลนด์ และรำลึกถึงจินตกวีอันเป็นที่รักใน “เบิร์นส์ ไนท์”
มนต์เสน่ห์แห่งเสียงเซลติค (Celtic) ของปี่สก็อตช์ สอดประสานกับท่วงทำนองของบทกวีอันไพเราะ ผสานความโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของชนชาติชาวสก็อตแลนด์ นับเป็นความสุนทรีย์ที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอันงดงามใน
งานเลี้ยงอาหารค่ำ “เบิร์นส์ ไนท์” (Burns Night) หรือ เทศกาลเบิร์นส์ ซึ่ง ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด (Diageo Moet Hennessy (Thailand) Ltd.) ตัวแทนจำหน่าย จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ (Johnnie Walker) ในประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ กรุงเทพฯ (British Embassy Bangkok) ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงกวีเอกนามกระเดื่องของสก็อตแลนด์ โรเบิร์ต เบิร์นส์ (Robert Burns) เมื่อ 30 มกราคม ที่ผ่านมา ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ โดยได้รับเกียรติจากผู้มีเกียรติ อาทิ กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร, สนั่น อังอุบลกุล, ประเวศวุฒิ ไรวา, ชาย ศรีวิกรม์, พอล สิริสันต์, โอฬาร ปุ้ยพันธวงศ์ และ กรกนก ยงสกุล ฯลฯ มาร่วมงานอย่างคับคั่ง
งานครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมฉลองความละเมียดละไมและความเย้ายวนใจอันยืนยงยาวนาน ของมรดกแห่งสก็อตแลนด์ ในสถานที่อันทรงเกียรติ ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และในการเดียวกันนี้ ได้เปิดตัวกรรมการผู้จัดการคนใหม่ของ ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ นายคาน บาเรา (Kaan Baral) ให้เป็นที่รู้จักอีกด้วย
เบิร์นส์ ไนท์ พร้อมถ่ายทอดความหฤหรรษ์แห่งท่วงทำนองกวีผสานความโดดเด่นของเอกลักษณ์ของชนชาติ ปี่สก็อตช์ รวมถึงสก็อตช์วิสกี้ มีการต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ด้วยเสน่ห์แห่งเสียงเซลติค (Celtic) ของปี่สก็อตช์ พร้อมการกล่าวเปิดงานโดยเอกอัครราชทูตอังกฤษ ประจำประเทศไทย นายไบรอัน เดวิดสัน ตามด้วยการกล่าวต้อนรับโดย นายคาน บาเรา
จากนั้นจึงเริ่มงานเลี้ยงอาหารค่ำด้วยการอ่านบทกวีรำลึกของ โรเบิร์ต เบิร์นส์ ก่อนจะบริการอาหารสี่คอร์ส ที่จัดเตรียมโดย เชฟเอียน-พงศ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย พ่อครัวชื่อดังซึ่งจะปรุงอาหารต้นตำรับสก็อตช์สุดอลังการ จับคู่อย่างกลมกลืนกับวิสกี้รสชาติกลมกล่อม อย่างจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ และจอห์น วอล์กเกอร์ แอนด์ ซันส์ (John Walker & Sons) โดยจานแรกนั้นคือ แฮกกิส (haggis) อาหารประเภทไส้กรอกประจำชาติของสก็อตช์อันเลิศรส เป็นจานโปรดของเบิร์นส์ที่สร้างแรงบันดาลใจ ให้กับผลงาน “โอด ทู แฮกกิส” ของเขา จานนี้นับเป็นไฮไลท์หลักของงานเลี้ยงอาหารค่ำ เบิร์นส์ ดินเนอร์ (Burn's Dinner) ตามประเพณีด้วย เมนูไส้กรอกนี้จะเสิร์ฟคู่กับ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แพลทินัม เลเบิ้ล 18 ปี (Johnnie Walker Platinum Label 18 Year Old whisky)
จานที่สองเป็นซุปข้นปูม้าหัวหินผสมด้วยเครื่องเทศต้มยำ จับคู่มากับจอห์น วอล์กเกอร์ แอนด์ ซันส์ เอ็กอาร์ 21 (John Walker and Sons XR 21 whisky) ตามด้วยอาหารจานหลักที่เลือกได้ระหว่าง เนื้อตุ๋นไม่มีกระดูกราดซอสวิสกี้โฮมเมด หรือปลากระพงบาร์บีคิวราดซอสสก็อตช์วิสกี้โฮมเมด เช่นกัน ทั้งคู่ยังจับคู่อย่างลงตัวกับจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล วิสกี้ (Johnnie Walker Blue Label whisky)
ส่วนของหวานเป็นเค้กช็อคโกแลตล้วนไม่ผสมแป้ง ราดด้วยกานาชส้มไทยกับซอสคาราเมลวิสกี้ เคียงมากับบ็อบบี้ เบิร์นส์ ค็อกเทล (Bobby Burn’s Cocktail) ผสมด้วยจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ โกลด์ เลเบิ้ล รีเสิร์ฟ (Johnnie Walker Gold Label Reserve)
ปิดท้ายค่ำคืนแสนประทับใจในเทศกาลเบิร์นส์ครั้งนี้ ด้วยการดื่มเฉลิมฉลองกับ จอห์น วอล์กเกอร์ แอนด์ ซันส์ คิง จอร์จ เดอะ ฟิฟท์ (John Walker & Sons King George V) คลอเคล้ากับการแสดงเต้นรำสุดพิเศษ ในบท
เพลง “อะ เรด, เรด โรส” (A Red, Red Rose”) ผลงานการประพันธ์ของ โรเบิร์ต เบิร์นส์ เพื่อเป็นเกียรติแก่ กวีแห่งแอร์ชายร์ (Bard of Ayrshire) ท่านนี้นั่นเอง