การออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ถึงจะมีอุปกรณ์ และวิธีการที่ไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ แต่ ถ้าได้วิ่งมาราธอนระยะทางไกลๆ หรือลงแข่งขันวิ่งรายการใดก็ตาม ก็ต้องฟิตร่างกายสักหน่อย เพื่อลดปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้นจากการวิ่ง

1.ควรสมัครวิ่งล่วงหน้า เพราะจะช่วยลดความปัญหาการแย่งกันเขียนใบสมัคร บางคนลืมแว่นตาต้องวานให้คนอื่นเขียนให้ บางครั้งเบอร์วิ่งหมด เสื้อหมด จนทำให้ไม่มีเวลายืดเส้นยืดสาย
2.โดยทั่วไปก่อนวันแข่งขัน 1 วัน ควรจะหยุดซ้อมเพื่อให้ร่างกายได้พักฟื้นกำลังอย่างเต็มที่
3.คืนก่อนวันแข่ง ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะต้องตื่นแต่เช้า (ประมาณตี 3-4) แต่นักวิ่งบางคนอาจรู้สึกตื่นเต้น นอนไม่หลับ หรือไม่หลับก่อนการแข่งขัน ก็ต้องออกตัวขออนุญาตกินยาแก้ไข้หวัดสัก 1 เม็ด เพิ่งจะได้หลับดีขึ้น แต่อย่าลืมตั้งนาฬิกาปลุกด้วย เพราะเดี๋ยวหลับเพลิน จะพลาดการแข่งขันได้
4.เบอร์วิ่งควรติดเสื้อก่อนออกจากบ้านให้เรียบร้อย ใครที่มีเหงื่อมากก็หาผ้าคาดหัวเพื่อกันเหงื่อไหลเข้าตาด้วยนะคะ เช้าวันวิ่งก็ไปถึงสนามก่อนสัก 20 นาที เพื่ออบอุ่นร่างกาย และเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย จะได้ไม่มีปัญหาระหว่างทาง มีนาฬิกาชนิดจับเวลาได้ติดตัวเอาไว้ เพื่อจะได้รู้ว่าใช้เวลาในการวิ่งนานแค่ไหน เพื่อใช้เปรียบเทียบในการวิ่งครั้งต่อไป
5.มาเตรียมตัวก่อนเริ่มวิ่ง อย่างน้อย 1.30 ชั่วโมง เพื่อทำความเข้าใจกับเส้นทาง และยืดเส้นยืดสาย
6.ในช่วงการวิ่ง กิโลเมตรต้นๆ ให้วิ่งช้าๆ ไปเรื่อยๆ อย่าเพิ่งเร่ง ให้ค่อยๆ เพิ่มความเร็วหลังจุดให้น้ำจุดแรกหรือจุดที่2 จะดีกว่าค่ะ โดยทั่วไปจะมีจุดให้น้ำระหว่างทาง กิโลเมตรที่2.5, 5.0 และ 7.5 แนะนำให้นักวิ่งทุกท่านแวะรับน้ำที่จุดให้น้ำทุกจุด โดยก่อนถึงสัก 10 เมตร เปลี่ยนเป็นเดินไปรับน้ำและเดินต่อไปอีก 10-20 เมตร เพื่อเป็นการพักไปในตัว และควรดื่มน้ำสัก 2-3 อึกก็พอ เพื่อป้องกันอาการจุก น้ำที่เหลือนำมาราดแขน ราดหัว ตามสะดวก ไม่ทิ้งแก้วน้ำขว้างทางนักวิ่ง ช่วงที่เรารู้สึกว่าวิ่งได้ดีที่สุดจะอยู่ในช่วง 4-7 กิโลเมตร เพราะร่างกายเริ่มอยู่ตัว จังหวะการวิ่ง การหายใจค่อนข้างประสานกันได้ดี ให้เราเพิ่มความเร็วในช่วงนี้และวิ่งผ่อนช่วงกิโลเมตรที่8-9 เพื่อช่วงสุดท้ายเข้าเส้นชัย จะได้มีแรงวิ่งเข้าอย่างมั่นใจ
7.ช่วงวิ่งเข้าเส้นชัยครั้งแรกของนักวิ่งหน้าใหม่ จะมีความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองอย่างมาก ว่าเราก็ทำได้ และที่ทำได้ก็เพราะความมุมานะ ความอดทน การฝึกซ้อมมาเป็นระยะเวลานาน ดังนั้นเราจะพบสัจธรรมว่า ความตั้งใจจริง มุ่งมั่น อดทน พยายาม ความสำเร็จนั้น ย่อมมาถึงเราได้อย่างแน่นอน
8.แต่สำหรับนักวิ่งบางคน ระหว่างวิ่งถ้ารู้สึกจุก เจ็บข้อหรือหายใจไม่ทัน หน้าจะมืด ให้เปลี่ยนเป็นเดินแทน แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น อย่าฝืน ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ซึ่งจะประจำอยู่ตลอดเส้นทางวิ่ง เพื่อให้รถพยาบาลมารับได้ทันท่วงที
นี่ก็เป็น 8 วิธีสำหรับการเตรียมตัวก่อนวิ่งมาราธอนเบื้องต้นค่ะ นอกเหนือจากนี้คือการออกไปฝึกซ้อม มุ่งมั่นและลงแข่งขันอย่างจริงจัง เพื่อจะได้เรียนรู้วิธีการเตรียมตัว การวิ่งในสนาม และวัดผลการวิ่งด้วยตัวเอง อย่างที่สุภาษิตของไทยบอกไว้ว่า 'สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น'
รู้วิธีเตรียมตัวทั้ง 8 ข้อกันแล้ว ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้พลาดการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นด้วยครับ
สำหรับตอนนี้ขอไปฟิตร่างกาย เตรียมร่วมกิจกรรม The KOP Run วันที่ 12 ก.ค.นี้ จะได้วิ่งกับนักเตะในตำนานทั้งที ต้องฟิตและดูดีไปพร้อมๆกันด้วย
Cr : http://www.thaihealth.or.th/