|
ไม่ได้อัพบล็อกรีวิวซะนานเลย คร่าวนี้มีรีวิวร้านเนื้อย่างเปิดใหม่ ย่านวัชรพล มานำเสนอครับ ชื่อร้านว่า The Grand BarBQ เดอะแกรนด์ บาร์บีคิว เป็นร้านเนื้อย่างระดับพรีเมี่ยมสไตล์ออกแนวญี่ปุ่น แต่ว่าร้านใช้เนื้อวัวพันธุ์ไทยเป็นหลัก และทีเด็ดคือมีเนื้อสูตรเฉพาะของร้านที่บ่มแห้งแบบพิเศษคิดค้นขึ้นมาเองอีกด้วย ติดตามกัน
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ร้าน The Grand BarBQ ตั้งอยู่ในห้างเนเบอร์เซ็นเตอร์ Neighbour Center ใกล้ๆ 5แยกวัชรพล ตรงข้ามกับปั้ม ปตท. ตัวร้านเดอะแกรนด์บาร์บีคิว จะอยู่ชั้น2 เป็นร้านเปิดใหม่มาสัก2-3เดือนนี้เองครับ
|
|
|
|
|
|
|
ใครเคยมากินร้าน "เมี่ยงปลาหมุน 5แยกวัชรพล" ที่มีปลาเผาอร่อยๆออกทีวีมาแล้วหลายๆรายการ ก็นั้นแหละครับ สถานที่เดียวกัน
จอดรถปั๊ป มองมาซ้ายมือสุดเห็นสีส้มๆชั้น2 นี้แหละใช่เลย ร้านเดอะแกรนด์ บาร์บีคิว แน่แล้ว เดินขึ้นบันไดไปกันเลย
|
|
|
|
|
|
|
ร้านเปิดทุกวันครับ แต่ว่าช่วงเวลาเปิดบริการไม่เหมือนกัน ถ้าวันจันทร์-ศุกร์ เปิดตั้งแต่ 4โมงเย็น -5ทุ่ม ถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ เปิดตั้งแต่ 11โมงเช้า-5ทุ่ม
|
|
|
|
|
|
|
ที่จอดรถมีมากพอสมควร 30-40 คันน่าจะได้อยู่
|
|
|
|
|
|
|
เข้ามาดูบรรยากาศภายในร้านกัน ตกแต่งออกแนวครึมๆ หรูๆหน่อย
|
|
|
|
|
|
|
โต๊ะร้านนี้เป็นโต๊ะแบบที่ฝั่งเตาและตัวดูดควันไว้ภายในโต๊ะเลย ไม่ต้องมีท่อดูดควันจากเพดานด้านบนต่อลงมา ให้ดูเกะกาลูกตาเวลากินไปก็คุยกันไป ได้สบายๆ เคยไปพวกร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลี ส่วนใหญ่มักจะเจอที่ดูดควันเป็นท่อต่อลงมา บางครั้งก็รู้สึกน่ารำคาญ มันดูรกๆ เกะกะยังไงไม่รู้
|
|
|
|
|
|
|
มาดูเมนูกัน ที่นี้เน้นไปทางปิ้งย่างอย่างเดียวเลย โดยจะมีเนื้อวัวเป็นหลัก มีแทบทุกส่วนของวัวเลยแหละ
|
|
|
|
|
|
|
แต่หากใครไม่ทานเนื้อ ก็ยังมีชุดหมู ไก่ และซีฟู้ด มาเป็นออปชั้นให้เลือกได้อีกหลายเมนูเช่นกัน แต่ถ้าเป็นประเภท Meat Lover นี้มาร้านนี้จะต้องชอบแน่ๆละ เพราะร้านมีเนื้อแทบจะทุกส่วนชำแหละออกมาให้เลือกทานตามใจชอบ
|
|
|
|
|
|
|
วันที่ไปทานเจอเจ้าของร้าน ชื่อพี่อั๋น พาเรามาดูตู้แช่เนื้อส่วนต่างๆ พร้อมกับชาร์จบอกส่วนประกอบว่า แต่ละส่วนของวัว อะไรอยู่ตรงไหนบ้าง ส่วนไหนของวัวที่ตัดออกมาเป็น Sirloin , Rib , Chuck , T-bone , Brisket พี่เขารู้หมดเลยว่าส่วนไหนมีมันเยอะ ส่วนไหนเนื้อเยอะ เนื้อนุ่ม หรือเหนียวกว่า ,ส่วนไหนเหมาะเอาไปย่าง ไปทำสเต็ก หรือเอาไปอบไปตุ๋น คุณชาร์จนี้เคยเห็นอยู่บ้างสมัยเรียน ป.ตรี วิทยาศาสตร์ แต่ก็ไม่เคยจำเลย เวลาไปกินร้านสเต็ก ร้านเนื้อย่าง ก็สั่งๆไป ไม่เคยจำได้หรอกว่าเนื้ออะไร มันคือส่วนไหนของวัว 555
|
|
|
|
|
|
|
|
นอกจากชาร์จ Beef Cut ภาษาอังกฤษแล้วก็ยังมีเวอร์ชั่นภาษาไทยให้ดูด้วย เพิ่งจะมาบางอ้อ วันนี้แหละว่าเนื้อที่เรียกว่าเสือร้องไห้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Brisket (คือจำชื่อนี้ได้แม่นเวลาไปกินร้านบุฟเฟ่ต์เนื้อย่างเจ้านึง เพราะส่วนบริสเก็ตมันอร่อยมาก) เพิ่งมารู้ว่าภาษาไทยเราเรียกว่าเสือร้องไห้ นี้เอง
|
|
|
|
|
|
|
เปรียบเทียบกับ ชาร์จ Beef Cut ด้านบนแล้วก็มาสั่งได้เลยว่าอยากจะทานส่วนไหน มีพี่เชฟค่อยอธิบายส่วนประกอบของเนื้อว่าตรงไหนเรียกว่าอะไร แต่ละส่วนให้ฟัง
คุยไปคุยมากับ พี่อั๋น เจ้าของร้าน ถึงเพิ่งมารู้ว่า พี่เขาเคยทำงานอยู่แผนกเนื้อในห้างใหญ่ชื่อดังมากว่า 10ปี เป็นตำแหน่งถึง Master Butcher เลยรู้เรื่องการชำแหละเนื้อ การหั่นเนื้อเป็นอย่างดีทุกโปรเซส พี่เขาบอกว่าเนื้อที่ร้านเอามาย่าง ส่วนใหญ่เป็นเนื้อสายพันธุ์ไทยวากิวและพันธุ์ชาโลเล่ ที่เลี้ยงในภาคอีสานบ้านเรานี้แหละ ทางร้านจะไปซื้อซากวัวมาทั้งตัวจากโรงเชือดมาเลย ไม่ได้อิมพอร์ตเนื้อมาจากเมืองนอก และท้าให้ลองรสชาติความอร่อยของเนื้อที่ร้านใช้เพราะการันตีความอร่อย ไม่แพ้เนื้อนำเข้าจากต่างประเทศเลยนะ
|
|
|
|
|
|
|
แล้วก็มากันที่เมนูที่ทางร้านแนะนำเลยดีกว่า จัดมาชุดแรก 3 อย่าง
|
|
|
|
|
|
|
จานแรกนี้คือ Set Premium Beef 899 Baht เป็นรวมเนื้อพรีเมียมของร้าน4อย่าง (เนื้อสันคอพิเศษ,เนื้อท้องวัว,เนื้อกล้ามขาเกรดเอ,สันนอกพิเศษ พร้อมผักออกานิคอีก1ชาม) ดูลายของไขมันที่แทรกในเนื้อนี้ ก็อยากลองแล้วอะ
|
|
|
|
|
|
|
จานที่สองเป็น Set Grand Pork 355 baht (สันคอหมู,หมูสามชั้น,ไส้กรอกญี่ปุ่น พร้อมผักออกานิคสำหรับห่ออีก1ชาม)
|
|
|
|
|
|
|
เตามาแล้ว ถ่านกำลังแรงๆ ก็คีบเนื้อลงเตาไปเลย (เนื้อพรีเมี่ยมจะไม่ราดซอส แค่โรยเกลือและพริกไทดำ ก็อร่อยแล้ว) พี่บอกว่าเนื้อดีๆถ้าหมักซอสแล้วไปย่าง จะทำให้ลิ้นเราไม่ได้รับรสชาติของเนื้อที่แท้จริง แต่จะได้รสชาติของซอสไปแทน
ที่ร้าน แนะนำวิธีปิ้งเนื้อย่างแบบให้ได้สัมผัสรสเนื้อแบบเต็มๆ คือให้คีบลงเตาไฟแรงๆ เบิร์นให้น้ำในเนื้อค่อยๆซึมออกมา พอสีเริ่มเปลี่ยนเป็นน้ำตาลก็พลิกกลับอีกด้าน เพียงรอบเดียว ปิ้งสุกประมาณมีเดียมแล ก็พอ แล้วให้ลองชิมเนื้อแบบไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มดู จะได้รับรู้ถึงรสเนื้อแท้ๆว่าหวานชุ่มนุ่มลิ้นเพียงใด
|
|
|
|
|
|
|
แต่หากชอบจิ้มน้ำจิ้ม ทางร้านก็มีน้ำจิ้มสูตรของทางร้าน รสออกเปรี้ยวเค็มหวานปะแล่มๆ เติมกระเทียมและพริก มะนาวได้ตามใจ
|
|
|
|
|
|
|
ตัดมาที่ซุปของร้านบ้าง ชามนี้คือ "ซุปหางวัวแบบญี่ปุ่น" 180 baht เป็นซุปน้ำข้นๆออกสีครีมๆ ทำจากเอ็นข้อวัว ใส่หางวัวที่ตุ๋นจนเปื่อย เนื้อนุ่มๆ
|
|
|
|
|
|
|
เนื้อนุ่มกำลังดี น่าจะตุ๋นนานหลายชั่วโมงเลย น้ำซุปก็ข้นได้ใจทีเดียว
|
|
|
|
|
|
|
มาต่อกันที่ เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน อีกเมนูนึง "Dry Aged Beef" ส่วน ribeye 900 baht เป็นเนื้อบ่มแห้ง ที่เป็นสูตรพิเศษของทางร้านทำขึ้นมา ไม่เหมือนใคร โดยการนำเนื้อมาบ่มไว้ที่อุณหภูมิต่ำประมาณ 0 - 2 องศา ในความชื้นที่เหมาะสม บ่มทิ้งไว้ประมาณ 21 -30 วัน พี่เขาบอกว่าเนื้อบ่มแห้ง ในเนื้อมันจะมีเอนไซม์ในตัวมันออกมาทำปฎิกริยากับตัวเนื้อทำให้มีความหอมและนุ่มมากยิ่งขึ้น เวลานำไปย่าง
|
|
|
|
|
|
|
อันนี้ตู้บ่มแห้ง ที่ร้านใส่ตู้โชร์วิธีการบ่มไว้ด้านหน้าร้าน ดูจากผิวนอกมันดูแห้งมากๆเลยนะ
|
|
|
|
|
|
|
อีกจานที่สั่งมาเป็น "แก้มหมู" 200 บาท เมนูนี้ร้านอื่นๆไม่ค่อยมีกัน เป็นส่วนของแก้มหมู มีเอ็นแทรกอยู่เยอะพอควร ตอนทานจะค่อนข้างเคี้ยวหนึบหนับมากกว่า ชิ้นส่วนอื่นๆของหมู
|
|
|
|
|
|
|
ชิ้นตรงกลางนั้นคือ Dry Aged Beef นั้นเอง ร้านหั่นมาชิ้นหนาเหมือนกันนะ ย่างให้สุกประมาณมีเดียมแร แล้วค่อยคีบออกมาเอากรรไกรตัดฉับๆ อีกที เพราะชิ้นนึงยาวทีเดียว
|
|
|
|
|
|
|
อาหารเมนคอร์ส ที่ได้กินในครั้งนี้ทั้งหมดก็ประมาณนี้ ร้านมีข้าวกระเทียม และข้าวญีปุ่น ให้สั่งมาทานคู่กับเนื้อย่าง เลยลองสั่งข้าวกระเทียมมากิน รสชาติดีทีเดียว
|
|
|
|
|
|
|
สรุปโดยรวม ถือว่าเป็นร้านเนื้อย่างระดับพรีเมียม ที่น่าสนใจทีเดียว สำหรับคนรักเนื้อ ควรต้องมาลองทานกัน ถ้าได้เจอพี่อั๋น Master Butcher ด้วยจะยิ่งได้ความรู้เรื่องเนื้อมากขึ้นอีกตะหาก แต่หากไม่ทานเนื้อวัว ก็ยังมีหมู-ไก่และซีฟู้ด เป็นออปชั่นให้เลือกสั่งกันได้ ร้านมีโต๊ะประมาณ 10 กว่าตัว น่าจะรองรับคนได้สัก 50 -60 คนได้เลย ใครอยู่ย่านวัชรพล อยากหาทานกินยากินิคุ แบบเนื้อคุณภาพดีๆ แนะนำมาทานร้านเดอะแกรนด์บาร์บีคิว
แนบแผนที่ร้านมาให้ดูกัน เผื่อใครสนใจ ลองดูโปรโมชั่นและข่าวสารต่างๆจากร้านได้ที่เฟสบุ๊คร้าน http://www.facebook.com/Thegrandbbq
|
|
|
|
|
|
|