โรฮีนจา เผือกร้อนในมือนักบุญ(หิวโซ)

ที่มา จากระทู้คุณwatchdog
http://www.oknation.net/blog/forpeple57/2015/05/18/entry-1

เป็นประเด็นที่ถูกนำมาเปิดเผยตีแผ่กันอีกครั้งสำหรับมนุษย์ไร้สัญชาติ “โรฮีนจา” ซึ่งอันที่จริงไม่ใช่ประเด็นใหม่ แต่เป็นเรื่องที่สร้างปัญหามานมนาน แต่ถูกหมักหมมไว้ด้วยสาเหตุหลายประการ ทั้งเรื่องปัญหาความมั่นคงปนความแค้นของประเทศต้นทาง และผลประโยชน์จากการค้ามนุษย์ของทั้งขบวนการค้ามนุษย์ในทุกประเทศตั้งแต่ต้นทาง กลางทางและปลายทาง รวมทั้งเหล่านักบุญที่มองเห็นเพื่อนมนุษย์เป็นเหมือนเค้กก้อนใหญ่ที่ต่างฝ่ายต่างเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ที่จะได้รับด้วยกิจกรรมนานาบังหน้าฉาบด้วยวาทะ “เพื่อมนุษยธรรม” เข้าตำรามือถือสากปากถือศีล

ในขณะที่ปัญหายังดำเนินต่อไปนั้น ควบคู่กันรัฐบาลไทยได้ให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม พร้อมลุยทลายแก๊งค์ใช้เพื่อนมนุษย์เป็นสินค้า โดยได้รวบตัวการสำคัญคือ "นายอันวา" ชาวโรฮีนจาสัญชาติ พม่าได้แล้ว และออกหมายจับเพื่อนรวมขบวนการอีกหลายสิบราย แน่นอนว่าบางส่วนเป็นคนไทยระดับนักการเมืองท้องถิ่นที่ปัจจุบันได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว นอกนั้นเป็นนักปกครองท้องถิ่นและตำรวจ ซึ่งทั้งหมดที่รัฐบาลไทยทำนั้น เป็นบทบาทที่ต้องทำในฐานะประเทศกลางทาง อย่างไรก็ดีคงเป็นหน้าที่ที่ต้องกวาดล้างขบวนการนี้ให้ลดน้อยลงหรือหมดไป

แต่มองดูแล้วเหมือนเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่จะไม่มีวันหมดไปหากไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกประเทศในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศต้นทางที่มีการเคลื่อนย้ายอพยพออกมา ซึ่งจะถือเป็นการแก้ที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง แต่วันนี้เมียนมาร์ชี้แจงว่าโรฮีนจาไม่ใช่พลเมืองของตน

ถูกครับ....เพราะปัญหาชาวโรฮีนจาที่มีอยู่ทุกวันนี้นั้น เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคมสมัยอังกฤษเข้ามารุกรานพม่าโดยนำเอาชาวโรฮีนจาจากบังคลาเทศมาร่วมรบด้วย และพออังกฤษยึดครองพม่าได้ก็ปล่อยให้โรฮีนจาอพยพเข้ามาอยู่อาศัย และเพราะชาวโรฮีนจาไม่ใช่ชนเผ่าดั้งเดิมของพม่า เมื่อได้รับเอกราชคืนจากอังกฤษเมื่อ 70 ปีที่แล้ว เมียนมาร์ในวันนี้ก็ปฎิเสธได้เต็มปากว่าไม่ใช่คนของเขา...ซึ่งก็ถูก

ขณะที่ชาติตะวันตกทั้งผู้นำและนักวิชาการต่างพร้อมใจกันกล่าวหาว่าการกระทำในลักษณะค้ามนุษย์นั้นมักเกิดขึ้นในประเทศด้อยพัฒนาหรือประเทศกำลังพัฒนาที่เห็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเป็นเหมือนสินค้าที่ซื้อขายเปลี่ยนมือกันอย่างไร้มนุษยธรรม โดยไม่คำนึงถึงว่านี้เป็นผลมาจากการกระทำในอดีตของประเทศเหล่านี้

ด้านองค์กรที่เกี่ยวข้องกับผู้ลี้ภัยหรือที่รู้จักกันดีคือ UNHCRก็พยายามอย่างยิ่งที่จะใช้กลไกระหว่างประเทศบีบให้ประเทศที่เกี่ยวข้องรับชาวโรฮีนจาเข้ามาในฐานะผู้ลี้ภัยและให้เปิดศูนย์อพยพขึ้น แต่ใครล่ะจะกล้ารับคนเหล่านี้เข้าประเทศ เพราะรังแต่จะสร้างปัญหาให้อีกมากมายต่อไป หรือเอาแค่เฉพาะหน้าการเปิดศูนย์อพยพรับเลี้ยงดูคนเป็นพันเป็นหมื่นต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ ที่สำคัญไม่ได้รับเลี้ยงแค่วันสองวัน แต่อาจย้ดเยื้อเป็นหลายสิบปีเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วทั่วโลก เอาในบ้านเราก็ดูเขมรอพยพ ม้งอพยพนั้นไง กว่าจะผลักดันกลับประเทศหรือส่งไปประเทศที่สามได้คนเลี้ยงก็ผอมโซ

และหากรัฐบาลประเทศใดเปิดรับเขาเหล่านี้แล้วรับรองว่าเดือดร้อนระยะยาวแน่ เพราะยังมีชาว โรฮินจาอีกเป็นล้านที่รอดูผลอยู่ และพร้อมที่จะเดินทางเข้ามา ซึ่งก็เข้าทางเมียนมาร์ที่ต้องการไล่ชาว โรฮีนจาออกนอกประเทศอยู่แล้ว จึงทำให้ประเทศในแถบนี้ อาทิ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ไม่มีใครกล้ารับคนพวกนี้ไว้และมีมาตรการปกป้องน่านน้ำของตนเองอย่างเข้มข้น

แต่องค์กรที่ไม่ใช่รัฐเหล่านี้ก็พยายามต่อไปที่จะให้มีประเทศใดประเทศหนึ่งเปิดรับให้ได้ เพราะหากทำได้ นั้นหมายถึงงบประมาณจากที่ต่างๆ จำนวนมากจะหลั่งไหลมา จริงอยู่ว่าส่วนหนึ่งเพื่อเอามาเลี้ยงดู ผู้อพยพ แต่อีกส่วนจะสร้างงานสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำให้กับองค์กรเหล่านี้

ก็ใครเล่าจะมาวางบทบาทนักบุญในขณะที่ตนเองไส้กิ่ว

และเป็นที่รู้กันว่าองค์กร NGO เหล่านี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “องค์กรที่ไม่หวังผลกำไร” แต่เอาเข้าจริงถ้าไม่มีผลกำไรก็คงไม่ทำใช่หรือไม่ นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่มีพยายามหนักหนาที่จะให้เปิดศูนย์อพยพเพื่อหวังผลแอบแฝงโดยไม่คิดถึงการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุควบคู่กันไป

เอาเถอะครับ..ถ้าการเปิดศูนย์อพยพเพื่อดูแลเพื่อนร่วมโลกตาดำๆ ตามหลักมนุษยธรรมเป็นเรื่องที่ต้องทำเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การเปิดศูนย์อพยพที่ประเทศต้นทางซึ่งในที่นี้คือ บังคลาเทศและเมียนมาร์ดูจะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดมากกว่า เพื่อให้ประเทศทั้งสองซึ่งเปรียบเหมือนต้นตอได้ร่วมกันคิดร่วมกันทำกับประเทศอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่เพียงแสดงท่าทีประหนึ่งธุระไม่ใช่ แล้วปล่อยให้นานาๆ ประเทศ หรือองค์กรต่างๆ หลับหูหลับตากล่าวหาโจมตีประเทศกลางทางอื่นๆ ในภูมิภาคจนเสียหาย

แต่อย่างที่บอกข้างต้นครับ...งานนี้มันซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหมือนมีอะไรมาบังตา และอะไรที่ว่าน่ะมันมหาศาลซะด้วยนี่ซิ

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน