ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็น “บ้องกัญชา” ….
ก็จะอะไรเสียอีก! หากไม่ใช่โครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ทำไปทำมาโครงการที่บอร์ด ทอท.ที่ยืนยัน นั่งยันว่าจำเป็นต้องปรับลดขนาด ปรับวงเงินลงทุนลงเพื่อให้สอดคล้องกับที่ถูกคณะกรรมการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ตรวจสอบอยู่
เลยต้องปรับปรุงมาสเตอร์แพลนเดิมเพื่อเร่งรัดดำเนินโครงการที่สามารถทำได้ก่อน พร้อมกับยืนยัน นั่งยันมาโดยตลอดว่า แม้จะปรับลดเนื้องานลงไปแต่ศักยภาพและขีดความสามารถของสนามบินสุวรรณภูมิที่ได้ ยังคงทัดเทียมของเดิมทุกกระเบียดนิ้ว!
แต่ไม่รู้บอร์ดและฝ่ายบริหาร ทอท.เจ้ากรรมไปทำแผนปรับปรุงกันอีท่าไหน วงเงินลงทุนที่อ้างว่าได้ปรับลดลงมาแล้ว วันนี้ทำท่าจะทะลักล้นไปเกิน 1.2 แสนล้านบาทซะงั้น !
เข้าตำรา “ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไป (ไหง) กลายเป็นบ้องกัญชา” ไปซะฉิบ!!!
แม้ว่าก่อนหน้านี้ “บิ๊กจิน-พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง” รมว.คมนาคมที่คงจะรู้ตื้นลึกหนาบางที่มาที่ไปแผน “บอนไซ” สนามบินสุวรรณภูมินี้ดีว่ามีคุณโม่ง Invisible Hand ที่ไหนชักใยอยู่เบื้องหลัง จึงได้เรียกบอร์ดและฝ่ายบริหาร ทอท.ไป “เป่ากระหม่อม” มาหนแล้วพร้อมจัดเวิร์กช็อปประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อสรุปเรื่องนี้
ก่อนจะเคาะแผนสุวรรณภูมิเฟส 2 ในราคาสุดท้ายอยู่ที่ 81,500 ล้านบาท โดยยังคงแผนงานเดิมที่ ครม.อนุมัติกรอบลงทุนไว้แล้ว 62,503 ล้านบาทเอาไว้ แต่ตัดส่วนงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านตะวันออกวงเงินลงทุน 6,780 ล้านบาทออกไป แล้วหันไปก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ Multi Terminal ทิศเหนืออาคารเทียบเครื่องบิน A พร้อมรถไฟฟ้าโมโนเรลเชื่อมโยงวงเงิน 29,000 ล้านบาท กับผนวกเอางานก่อสร้างรันเวย์สำรอง (รันเวย์ 3) วงเงิน 19,000 ล้านบาทเพิ่มเติมเข้ามา
เรื่องทุกอย่างน่าจะยุติ แถมนายกฯ “บิ๊กตู่” ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือ “ซุปเปอร์บอร์ด” ยังตีปี๊บว่าจะนำโครงการสุวรรณภูมิ เฟส 2 นี้เป็นโครงการนำร่อง Pilot Project ที่รัฐจะเอาระบบการดำเนินโครงการตามมาตรฐาน Construction Sector Transparency หรือ CoST ที่รัฐบาลอังกฤษกับธนาคารโลกวางมาตรฐานเอาไว้มาใช้ก่อนขยายไปยังหน่วยงานอื่นๆ
แต่ไม่รู้ว่าบอร์ด ทอท.ที่มีประสงค์ พูนธเนศ เป็นประธานนั้นรับฟังนโยบายของ “บิ๊กจิน” แล้วไม่ Get ไม่เข้าใจหรือ “ฟังไม่ได้ศัพท์” หรืออย่างไร? วันวานหลังการประชุมบอร์ด ทอท.เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบวงเงินลงทุนโครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 ที่บอร์ด ทอท.สุมหัวอนุมัติวงเงินลงทุนออกไป ก่อนนำเสนอกระทรวงคมนาคมนั้น วงเงินลงทุนโครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 ในเฟสแรกนี้มันถึงทะลักล้นขึ้นไปถึง 66,000 ล้านบาท!!!
เห็นมติบอร์ดของ ทอท.ข้างต้นแล้วก็ได้แต่ “อึ้งกิมกี่” เมื่อคลี่ลงไปดูไส้ในแผนงานก่อสร้างที่ ทอท.จะดำเนินการอันประกอบด้วย 1.งานก่อสร้างลานจอดอากาศยาน 28 หลุมจอด พร้อมก่อสร้างอุโมงค์ส่วนต่อขยาย งานระบบสาธารณูปโภคมูลค่า 18,000 ล้านบาท 2.การก่อสร้างทางวิ่งสำรองรันเวย์ 3 ระยะทาง 2,900 เมตร มูลค่า19,000 ล้านบาท และ 3.งานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 (Multi-Function Terminal) ด้านทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน A พร้อมระบบรถไฟฟ้า (โมโนเรล) วงเงิน 2.9 หมื่นล้านบาท
ส่วนงานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 หรือ Midfield Satellite พร้อมระบบขนส่งผู้โดยสาร APV วงเงินลงทุน 27,864 ล้านบาท และงานก่อสร้างอาคารที่ทำการสายการบินกับอาคารจอดรถยนต์ที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทเดิมนั้น จะโยกไปดำเนินการในระยะที่ 2 ต่อไป
ตกลงแล้วบอร์ด ทอท.เข้าใจและรับนโยบายมาจากกระทรวงคมนาคมแน่หรือ?
เพราะหากคลี่โครงการลงทุนในเฟส 2 ระยะแรกที่ต้องลงทุน 66,000 ล้านบาท กับส่วนที่จะต้องดำเนินการในระยะที่ 2 แล้วจะเห็นได้ว่าในอนาคตอันใกล้เมื่อ ทอท.จะต้องดำเนินโครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 เต็มรูปแบบตามแผนแม่บทสุวรรณภูมิเดิมเพื่อตอบสนองความเป็น“ศูนย์กลางการบิน” หรือ HUB ในภูมิภาคนี้แล้ว
วงเงินลงทุนในโครงการนี้มีโอกาสจะทะลักขึ้นไปมากกว่า 100,000-120,000 ล้านบาทแน่!
ไม่เพียงจะเป็นแผนแม่บทที่ก่อให้เกิดข้อกังขาว่า เป็นไปเพื่อ “บอนไซ” ศักยภาพของสนามบินสุวรรณภูมิกันแน่หรือ? ยังก่อให้เกิดคำถามว่าตกลงแล้วบอร์ด ทอท.นั้นรับฟังนโยบายจากใครกันแน่ถึงกล้า “หักดิบ” นโยบายของ “บิ๊กจิน” ได้
หรือว่าเขาฟังแต่นโยบายจาก “ซุปเปอร์บอร์ด” ที่ซอยรางน้ำเท่านั้น!!!!!