หน้า: 1

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: สื่อต่างชาติมองการปลดยิ่งลักษณ์ส่งผลแง่ลบต่อเศรษฐกิจ  (อ่าน 65 ครั้ง)
add
เรทกระทู้
« เมื่อ: 12 พ.ค. 14, 09:29 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 

Bloomberg รายงาน บาทอ่อนตัว หุ้นตก เพราะนักลงทุนหันหลังให้กับประเทศไทยหลังจากมีคำสั่งศาลตัดสินให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นจากสภาพความเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี โดยหวั่นว่าเป็นคำสั่งที่อาจจะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองย่ำแย่ลง

บทความต้นฉบับสามารถหาอ่านได้ที่นี่: http://www.bloomberg.com/news/2014-05-07/thai-crisis-flashes-short-signal-to-em-quest-rmg.html

“รัฐบาลรักษาการณ์ได้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีรักษาการณ์ขึ้นมาหลังจากนางสาวยิ่งลักษณ์ถูกถอดถอนเนื่องด้วยสาเหตุการใช้อำนาจในทางมิชอบจากการย้ายข้าราชการระดับสูงในปี 2011 บริษัทมูดีส์ (Moody’s Investor Service) กล่าวว่า คำตัดสินศาลครั้งนี้มีผลในทางลบต่อการจัดอันดับเครดิตของประเทศไทย เนื่องจากว่าการตัดสินครั้งนี้จะยังไม่ก่อให้เกิดทางออกภายในเร็วไว ในขณะที่บริษัทเงินทุน EM Quest ระบุว่าพวกเขาได้ซื้อสวอปการผิดชำระหนี้ (Default Swap) และขายเงินบาท”

นักวิจัยทางการเงินท่านหนึ่งกล่าวว่า “มีความเป็นไปได้ว่าสุญญากาศทางการเมืองจะมีต่อไป ซึ่งจะทำให้การสนับสนุนทางการคลังเป็นไปได้ยากขึ้น การถอดถอนนายกยิ่งลักษณ์ครั้งนี้ทำให้เป็นไปได้ยากขึ้นที่นักลงทุนต่างชาติจะมาซื้อสินทรัพย์ไทย”

สภาวะทางการเมืองได้ทำให้นักลงทุนต่างชาติถอนเงินออกจากประเทศไทยไปมากกว่า 234 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในวันที่ 7 พฤษภาคม ซึ่งเป็นการถอนเงินสูงที่สุดในรอบสองเดือน

แต่ถึงแม้ว่าในวันที่ 8 พฤษภาคม หลังจากศาลจะมีคำพิพากษาออกมาและตลาดหุ้นก็ไมไ่ด้เปลี่ยนแปลงมาก นักลงทุนก็ไม่ควรที่จะนิ่งนอนใจ โดย EM Quest กล่าวว่า “นี่เป็นสัญญาณให้ขายอย่างแน่นอน มีสุญญากาศทางการเมืองเกิดขึ้น ความเสี่ยงที่จะโดนลดอันดับเครดิตของประเทศ อัตราการลงทุนที่ลดลง และอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจที่ลดลง สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยลบต่อเงินบาท”

ในขณะเดียวกัน FinanceAsia ชี้ว่าการปลดนายกยิ่งลักษณ์ออกจากตำแหน่งจะทำให้ตลาดทุนไทยเงียบเหงาในช่วงครึ่งปีหลัง โดยนอกจาก Moody’s แล้ว ยังมี S&P ที่ออกมาประกาศเช่นเดียวกันว่าการปลดนายกครั้งนี้มีผลในทางลบต่อการจัดอันดับเครดิตของประเทศ

นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมีหุ้นกู้ออกสู่ตลาดเพียงแค่ 7.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับในปีก่อนซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 24.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เช่นเดียวกัน ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน IPO ในตลาดหุ้นมีมูลค่าเพียงแค่ 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับ 7 พันล้านเหรียฐสหรัฐในปีก่อน

แม้แต่การควบรวมกิจการก็หยุดชะงัก ตัวอย่างเช่นข้อตกลงขายหุ้นธนาคารทหารไทยของบริษัท ING

เช่นเดียวกันสถานการณ์ทางการเมืองที่ย่ำแย่ของประเทศไทย ผลักดันให้บริษัทสัญชาติไทยต่างๆเริ่มหันไปมองตลาดต่างประเทศเพื่อเพิ่มยอดขาย

บทความต้นฉบับจาก FinanceAsia สามารถหาอ่านได้ที่นี่: http://www.financeasia.com/News/384957,yingluck-ouster-adds-to-thai-deal-flow-drag.aspx

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน

Tags:
Tags:  

หน้า: 1

 
ตอบ

ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา

 
 

[เพิ่มเติม]
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ:
พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
 
:  
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
         
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม