55555
|
คห.106 แล้วจะหาเจอเหรอเพราะมีลิงหลายจำพวกอยู่ด้วยในประเทศไทย เช่น ลิงแสม ลิงลม ลิงหลอกเจ้า 
|
|
|
|
![]() |
|
สำนึกไทย!
|
เพลงปลุกใจให้รักชาติ..ไร้รักไร้ผล..
คำร้อง บทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๖ ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน เรานี้เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง ควรคำนึงถึงชาติศาสนา ไม่ยอมให้เสียทีที่เกิดมา ในหมู่ประชาชาวไทย แม้นใครตั้งจิตคิดรักตัว จะมัวนอนนิ่งอยู่ไฉน ควรจะร้อนอกร้อนใจ เพื่อให้พรั่งพร้อมทั่วตน
ชาติใดไร้รักสมัครสมาน จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล แม้นชาติย่อยยับอับจน บุคคลจะสุขอยู่อย่างไร 
|
|
|
|
![]() |
|
|
คห.107 แยกซะละเอียดเลยว่ามีลิงมีกี่ประเภท นึกว่าจะมีแต่หนุมานซะอีก...55555
(ลิงนี่ซนซะด้วย)
|
|
|
|
![]() |
|
55นี่คือประเทศไทย55
|
คห.109 แล้วคิดดูแล้วกันว่าจะรู้ทันหรือนั่นว่าจะทำอะไร เพราะมีทั้งหลากหลายขนาดนั้น แปลงร่างก็ได้ หายตัวก็ได้ ไวยังกะปรอท แต่ที่สำคัญเหนือเมฆนั่นจะทำประการใด 555555555555
|
|
|
|
![]() |
|
อบรม!
|
มารยาทในการอยู่ร่วมกันในสังคม ไปลามาไหว้ มารยาทไทยที่เป็นวัฒนธรรมการทักทายเวลาพบปะกันหรือลาจากกัน “ การไหว้ ” เป็นการแสดงถึงความมีสัมมาคารวะและการให้เกียรติซึ่งกันและกัน นอกเหนือจากการกล่าวคำว่า “ สวัสดี ” แล้วยังแสดงออกถึงความหมาย “ การขอบคุณ ” และ “ การขอโทษ ” การไหว้เป็นการแสดงมิตรภาพ มิตรไมตรี ที่เป็นขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ซึ่งนับวันจะค่อย ๆ เลือนลางออกไปจากสังคมไทย ด้วยเยาวชนไทยส่วนใหญ่รับเอาวัฒนธรรมต่างชาติมายึดถือปฏิบัติ เช่น การทักทายกันด้วย การจับมือ ด้วยการผงกหัวหรือพยักหน้าต้อนรับกัน โดยปกติความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นวัฒนธรรมไทยที่แสดงความเคารพด้วยการไหว้ผู้อาวุโส หรือการรับไหว้ผู้อาวุโสน้อย ปัจจุบันกลายเป็นวัฒนธรรมที่เกิดเฉพาะกลุ่มแทนที่จะเป็นวัฒนธรรมในสังคมของคนทุกชนชั้น ด้วยสาเหตุที่เยาวชนไทยมองข้ามวัฒนธรรมไทยที่ดีงามถูกต้อง มารยาทในสังคมไทยจึงผิดเพี้ยนไป สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติได้จัดการเผยแพร่ความรู้เรื่องมารยาทไทยอย่างต่อเนื่อง และได้หยิบยกมารยาทในการพบปะสมาคมในสังคมที่สำคัญมีดังนี้
๑. การรู้จักวางตน ต้องเป็นคนมีความอดทน มีความสงบเสงี่ยม ไม่แสดงกิริยาก้าวร้าว อวดรู้ อวดฉลาด อวดมั่งมีและไม่ควรตีตัวเสมอผู้ใหญ่แม้ว่าจะสนิทสนมหรือคุ้นเคยกันสักปานใดก็ตาม
๒. การรู้จักประมาณตน มีธรรมของคนดี ๗ ได้แก่ รู้จัก เหตุผล ตน ประมาณ กาล ชุมชน และบุคคล โดยไม่ทำตัวเองให้เด่น เรียกร้องให้คนอื่นสนใจ หรือสร้างจุดสนใจในตัวเรามากเกินไป ตัวอย่าง คำเตือนของหลวงวิจิตรวาทการที่กล่าวไว้ว่า “ จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครเขาอยากเห็นเราเด่นเกิน ”
๓. การรู้จักการพูดจา ต้องไม่ทักทายปราศรัยกับคนด้วยคำพูดที่จะทำให้คนเขาเกิดความอับอายในสังคมและไม่คุยเสียงดังหรือยักคิ้วหลิ่วตาทำท่าทางประกอบจนทำให้เสียบุคลิกภาพได้
๔. การรู้จักควบคุมอารมณ์ คือ รู้จักข่มจิตของตน ไม่ใช่อารมณ์รุนแรงเพื่อไม่ให้ล่วงสิ่งที่ไม่ควรล่วง ได้แก่ การข่มราคะ โทสะ โมหะ ไม่ให้กำเริบเป็นคุณลักษณะที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือ รู้จักข่มอารมณ์ต่าง ๆ ไม่ทำลายข้าวของไม่พูดและแสดงกิริยาประชดประชันหรือส่อเสียด
๕. การสำรวมกิริยาเมื่อเดินผ่านผู้ใหญ่ ขณะที่เดินผ่านผู้ใหญ่ให้ก้มตัวพองาม หรือหากผู้ใหญ่กำลังเดินไม่ควรวิ่งตัดหน้า ควรหยุดให้ผู้ใหญ่เดินไปก่อน หรือไม่ควรเดินผ่านกลางขณะที่ผู้ใหญ่กำลังพูดกัน
๖. การรู้จักควบคุมอิริยาบถ ถือเป็นคุณสมบัติที่ดี เช่น เมื่อเราได้ยินเสียงเพลงก็ไม่ควรเขย่าตัว กระดิกเท้า หรือเคาะจังหวะโดยไม่เลือกสถานที่ ซึ่งการกระทำดังกล่าวนี้ ถือว่าเป็นอาการของคนที่ไม่ควบคุมอิริยาบถและไม่เหมาะสมกับกาลเทศะ
๗. ความมีน้ำใจไมตรีอันดีต่อกัน การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุขด้วยความรักและเข้าใจกัน ควรมีความเอื้ออาทร มีน้ำใจไมตรีต่อกัน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน มีความเห็นอกเห็นใจ เอาใจใส่ ทุกข์สุขของผู้เกี่ยวข้องมุ่งดีมุ่งเจริญต่อกัน ที่สำคัญคือมีน้ำใจในการช่วยเหลือ หรือช่วยทำประโยชน์ให้แก่สังคม
๘. การช่วยเหลือผู้อื่น เป็นคุณธรรมชั้นสูงของการอยู่ร่วมกันในสังคม ลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์มีอุดมการณ์สำคัญคือ “ การช่วยเหลือผู้อื่น ” พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเป็นปัจฉิมโอวาท ความว่า “ จงยังประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นด้วยความไม่ประมาทเถิด ” การยังประโยชน์แก่ผู้อื่น ก็คือ การช่วยเหลือผู้อื่น หรือการปฏิบัติเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น เพื่อประโยชน์ส่วนรวม สังคมจะมีสันติสุข คือ มีความสงบสุข ถ้าบุคคลในสังคมรู้จักการช่วยเหลือผู้อื่น มีความเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม 
|
|
|
|
![]() |
|
สำนึกไทย!
|
การที่จะรู้ว่าใครเป็นคนดีนั้น ก็ต้องดูลักษณะของสัตบุรุษ หรือ สัปปุริสธรรม 7 นั่นเอง ได้แก่
1.ศรัทธา
2.หิริ
3.โอตตัปปะ
4.พาหุสัจจะ
5.วิริยะ
6.สติ
7.ปัญญา
ศรัทธา นั้นคือ ความเชื่อ ความเลื่อมใส ที่ถูกต้อง คือ เชื่อในการตรัสรู้ของพระตถาคตว่า แม้เพราะเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีผู้ฝึกบุรุษที่ควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรมสั่งสอนสัตว์ และเชื่อในเรื่องเหตุและผลก็คือ เชื่อเรื่องกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว จึงเป็นผู้มีจิตใจผ่องใส ความศรัทธาที่ถูกต้องนั้นนำให้ผู้นั้นละชั่ว ทำความดี
หิริ และ โอตตัปปะ นั้นคือ ความละอายและความเกรงกลัวต่อบาป ความละอาย หมายเอาความละอายใจ ไม่ทำชั่ว ด้วยเคารพตน เป็นต้น ความเกรงกลัวต่อบาปนั้น หมายถึง ไม่ทำบาปด้วยเกรงต่อผลของกรรม หรือโทษภัยต่างๆ เช่น การเสียชื่อเสียง การถูกลงโทษ กลัวภัยในอบาย เป็นต้น ผู้ที่มีหิริโอตตัปปะย่อมอยู่ในศีลในธรรม เป็นที่ไว้วางใจได้ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
พาหุสัจจะ นั้นคือ พหูสูต เป็นผู้ฟังพระธรรมมามาก ทรงจำธรรมที่ได้สดับมาแล้ว สั่งสมธรรมที่ได้ฟังมาแล้วศึกษามาแล้ว การฟังธรรม ซึ่งรวมทั้งการศึกษาธรรมนั้น ผู้ที่ได้กระทำโดยสม่ำเสมอ ได้ฟังธรรมอันถูกต้อง ย่อมช่วยให้ผู้นั้นเกิดปัญญา สามารถนำข้อธรรมะทั้งหลายที่ได้ฟังมาดีแล้ว ไปคิด ไปใช้ในการตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างถูกต้องและมีเหตุผล การฟังธรรมเป็นประจำยังคอยเตือนตนไม่ให้ตกไปในความชั่ว ได้เพิ่มพูนความรู้ เมื่อจะคิดจะพูดจะทำ หรือจะแนะนำผู้อื่น หรือแก้ปัญหาของตนเองก็กระทำโดยอาศัยหลักธรรมเป็นเกณฑ์ ไม่ลุอำนาจของกิเลส รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว จึงประสบความสุขและความสำเร็จ ไม่ทำให้ตนและผู้อื่นเดือดร้อน หากทำผิดพลาดก็ยอมรับไม่ปิดบังมีมายา รู้ทางแก้ไข กลับตัวกลับใจได้ถูกต้อง ด้วยมีธรรมที่ตนฟังมาแล้วด้วยดีคอยกระตุ้นเตือน
วิริยะ นั้นคือ ความเพียรพยายามในทางที่ชอบที่ควร คือ เพียร 4 ประการ ได้แก่
1.เพียรละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว
2.เพียรป้องกันอกุศลใหม่มิให้เกิดขึ้น
3.เพียรทำกุศลใหม่ให้เกิดขึ้น
4.เพียรรักษา กระทำกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป
ความเพียรนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การละชั่ว กระทำดี ประสบความสำเร็จ หากไม่มีความเพียรเสียแล้ว ก็ไม่สามารถจะสำเร็จได้
สติ นั้นคือ ความตามระลึกได้ แม้ซึ่งกิจที่กระทำนานแล้ว คือ ความเป็นผู้ไม่ประมาท สตินั้นเป็นคุณธรรมฝ่ายดี เมื่อสติเกิด การทำชั่ว ทำบาป อกุศล อันนับว่าเป็นการประมาทย่อมไม่มี ผู้ที่มากไปด้วยสติ จึงเป็นผู้มากไปด้วยกุศลกรรม สติ ย่อมเกิดพร้อมด้วย หิริ โอตตัปปะ
ปัญญา นั้นคือ ความรู้เห็นตามความเป็นจริง ความเข้าใจธรรมที่ถูกต้อง ปัญญานั้นหมายความถึง ความรู้ที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ตามหลักธรรม ไปจนถึงการรู้อริยสัจ 4 ซึ่งเป็นความรู้ในขั้นที่ทำให้บรรลุมรรค ผล นิพพาน ไม่ว่าปัญญาจะเป็นระดับใดก็เป็นประโยชน์ ผู้ที่จะเป็นคนดีนั้น จะต้องประกอบด้วยปัญญา จึงจะสามารถนำพาตนและผู้อื่นให้พ้นทุกข์ในระดับต่างๆ ได้ ดังนั้นปัญญาจึงมีความสำคัญ เพราะทำให้สามารถแก้ปัญหา หาทางออกได้ถูกต้อง และตัดสินได้ว่าอะไรเป็นกุศล ควรกระทำ อะไรเป็นบาป อกุศล ไม่ควรกระทำ
สังคมไทยนั้นแสวงหาคนดีเพื่อเป็นผู้นำในระดับต่างๆ ก็ควรมองถึงคุณสมบัติเหล่านี้ ซึ่งเป็นเรื่องของความดีที่แท้จริง เพราะคนดีมิใช่หาได้ด้วยคุณสมบัติอื่นๆ ดังนั้นจึงอย่ามองกันถึงความรู้ความสามารถทางโลก หรือทรัพย์สินเงินทองเกียรติยศต่างๆ เพียงอย่างเดียว ควรต้องมองถึง สัปปุริสสธรรม 7 ประการนี้ให้มาก ผู้นั้นควรมีธรรมทั้ง 7 ประการนี้ที่ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เราจะหาได้ ก็จะได้คนดีที่แท้จริง...
|
|
|
|
![]() |
|
ข้อเปรียบเทียบ!
|
สัญญาณบ่งบอก 7 ลักษณะนิสัยของคนที่คุณควรหลีกเลี่ยง
ในชีวิตปัจจุบันคุณต้องพบกับผู้คนหลากหลายรูปแบบเหลือเกิน บางคนที่คุณกำลังคบกำลังสนิทด้วย แน่นอนว่าบนโ,กใบนี้อาจไม่มีคนเพอร์เฟ็กซ์ไปซะทุกด้าน แต่ถึงเวลาที่ตัวคุณต้องพิจารณาคนรอบข้างของคุณแล้วว่าเขากำลังมีนิสัยที่ไม่น่าคบดังต่อไปนี้หรือไม่
1. สนใจแต่เฉพาะเรื่องตัวเอง มักจะโผล่มาเฉพาะเวลาที่ต้องการให้คนช่วยเสร็จแล้วก็หายเข้ากลีบเมฆ คนประเภทนี้เอาคำว่า “เพื่อน” หรือความสัมพันธ์ต่างๆมาบังหน้าไว้เท่านั้น คุณสมบัติของคนเหล่านี้ ร้อยวันพันปีหากไม่มีเรื่องอะไรที่ที่เขาต้องการความช่วยเหลือ เขาจะไม่โผล่ตัวมาหาคุณเลย ยกตัวอย่างเล็กๆเช่น เขาจะ Line จะ Facebook ทักคุณมาก็ต่อเมื่อเขากำลังมีเรื่องให้คุณช่วยเท่านั้น กลุ่มบุคคลนี้มักเป็นผู้เห็นแก่ได้ฝ่ายเดียวซะด้วยสิ และพอเขาใช้งานคุณเสร็จแล้วก็หายตัวเข้ากลีบเมฆไปอย่างรวดเร็ว บุคคลเหล่านี้ขัดกับตำราเพื่อนที่ดีที่ได้กล่าวไว้ว่าคนช่วยต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน คนประเภทนี้หากคุณสังเกตดีๆว่าเวลาคุณต้องการความช่วยเหลือขึ้นมาบ้างบางครั้งเขาอาจจะไม่ปรากฏตัวเลยก็เป็นได้นะ
2. ทำตัวเป็น “งูเห่า” เลี้ยงไม่เชื่อง สมัยเด็กคุณคงเคยได้ยินนิทานก่อนนอนเรื่อง “ชาวนากับงูเห่า” มาบ้างแล้ว บางทีคุณไม่ได้โง่หรอกที่เมื่อเพิ่งรู้จักกันระยะแรกคุณมองไม่ออกว่าคนรอบตัวคุณใครคือ “งูเห่า” ด้วยความที่คุณเป็นคนดีคุณก็เมตตาคนประเภทนี้ไปเรื่อยๆ แต่คนประเภทนี้นอกจากเขาอาจจะไม่ได้ตอบแทนคุณด้วยการขอบคุณหือความรู้สึกที่ดีต่อคุณ เขายังไปฉกกัดคุณ มีความริษยาในดวงใจ จ้องจะทำร้ายคุณเป็นผลตอบแทน
3. ทำตัวเป็น “นกสองหัว” ปากอย่างใจอย่างหรือต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง สำหรับบุคคลเหล่านี้แล้ว ต่อหน้าเขาคุณจะเปรียบเป็นเทพบุตรผู้ไร้ราคี เขาจะไม่มีวันเอาข้อเสียหรือสิ่งที่เขาไม่พอใจมาพูดให้คุณได้ฟังต่อหน้าเป็นแน่ แต่อย่าได้เผลอเลยคนคนเดียวกันนี่เองลับหลังคุณเขาได้เอาคุณไปพูดไปนินทาไปพูดกระแนะกระแหนไปกุเรื่องเป็นสิบเป็นร้อยเรื่อง จนกลายเป็นอีกเรื่องที่คุณอาจไม่คิดมาก่อนก็ได้
4. กอบโกยผลประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียว จ้องเอารัดเอาเปรียบไม่มีที่สิ้นสุด บุคคลประเภทนี้มักจะแอบแฝงมาในรูปแบบเพื่อนหรือคนสนิทต่างๆเข้ามาหาคุณ ใครจะไปรู้ว่าแท้จริงแล้วเหตุผลที่เขาเข้าหาคุณนั้นเพียงเพื่อจะมาเอาผลประโยชน์จากคุณเท่านั้นซึ่งอาจจะเป็นทรัพย์สินที่คุณมีอยู่ อาจจะเป็นแรงกาย หรือทรัพย์สินทางสติปัญญาของคุณเพื่อโอนเข้าทางประโยชน์ของเขา มันเป็นเรื่องปกติมากที่คนเราทุกคนเกิดมาอย่าง “น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า” ความหมายคือคนเราต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกัน ย้ำอีกที “ซึ่งกันและกัน” แต่บุคคลนี้กลับใช้คตินี้ตีความผิดไปหรือไม่ก็ตีความไม่ครบ เขากลับเห็นแต่ประโยชน์ที่คุณจะสามารถให้เขาได้ ใช้เล่ห์กลเพื่อเอารัดเอาเปรียบคุณสารพัดรูปแบบ สำคัญแต่ตัวจะรับไม่คำนึงถึงการให้ โดยเบื้องลึกของจิตใจคนเหล่านี้บางคนไม่ได้คิดแม้แต่จะหาทางตอบแทนคุณอย่างใด
5. ไม่มีความ “เสมอภาค” ในมิตรภาพ ไม่เห็นความสำคัญของอีกฝ่าย คุณอาจสงสัยว่าหมายถึงบุคคลประเภทนี้ใดกัน บุคคลประเภทนี้ก็หมายถึงบุคคลที่ชอบทำอะไรที่ไม่เป็นธรรม ตัวอย่างก็เช่นเวลาใดที่บุคคลเหล่านี้มีเรื่องทุกข์ใจอยากแชร์ก็ไปหาคุณได้ตลอดเวลา แต่พอคุณมีเรื่องต้องการคนปรับทุกข์บ้างคุณกลับไม่สามารถไปหาคนคนนี้ได้เนื่องจากเขากลับไม่ได้รับฟัง หรือ เขาอาจเรียกร้องน้ำใจของคุณอยู่ฝ่ายเดียวเช่น ช่วยงานให้เขาหรือให้คุณช่วยอะไรเขาจิปาถะ แต่เมื่อถึงทีของคุณบ้างคุณกลับไม่ได้รับน้ำใจนั้นกลับคืนมา เรื่องนี้ดูเผินๆอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มันมีความหมายว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ได้มองเห็นความสำคัญในตัวคุณมากที่คุณคิด
6. เป็นนักกุเรื่อง ชีวิตไม่อยู่บนฐานความเป็นจริง บุคคลประเภทนี้มักชอบพูดเรื่องเท็จเป็นกิจจะลักษณะ ไม่สนใจว่าสิ่งที่ตนเองได้ให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงต่อผู้อื่นไปแล้วฝ่ายตรงข้ามจะถูกคนในสังคมมองเช่นไร บุคคลประเภทนี้มักชอบพูดจาบิดเบือนความจริง จนบางครั้งคุณก็น่าจะรู้สึกได้ด้วยตัวคุณเอง
7. เป็นมิจจาชีพในรูปแบบคนรู้จัก บุคคลประเภทนี้อาจเข้ามาทำความรู้จักกับคุณเพราะเขาต้องการบางอย่างจากคุณแบบไม่สุจริต เขาอาจเป็นมือขโมยในคราบของเพื่อน ไม่ว่าเป็นทรัพย์สินทางตัวหรือทางปัญหา หรือไม่ก็หลอกหาผลประโยชน์ด้วยวิธีแบบเดียวกับที่มิจฉาชีพเขาทำกัน สำหรับคนประเภทนี้แล้วเมื่อคุณต้องระวังตัวเมื่อเริ่มรู้ตัวว่ามีคนประเภทนี้เข้ามาในชีวิตทางที่ดีแนะนำให้ตีตัวออกห่างไปยิ่งไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
|
|
|
|
![]() |
|
รู้ด้วยปัญญา!
|
ปัจจุบันคนไทยถึงแม้จะยากจนก็คงไม่ว่ากระไร แต่การถูกขโมยทรัยพ์สินทางปัญญาเพื่อแสวงหาประโยชน์ตนนั้นไซร้ เป็นเรื่องที่ต้องคิดหนัก เพราะหากเราถูกขโมยปัญญาของเราเอาไปใช้ในทางที่จะเกิดปัญหาให้แก่ชาติบ้านเมืองนั้น เราคนที่กำลังถูกกระทำก็จะต้องใคร่ครวญให้หนักเข้าไว้ เพราะปัญญาเป็นทรัพย์สินชิ้นสุดท้ายที่พ่อแม่ให้เรามาที่จะต้องนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ตนและไม่ไปทำร้ายหรือเบียดเบียนผู้อื่น
สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเน้นย้ำให้เกิดปัญญาในหมู่คนไทย เพราะปัญญาเป็นทรัพย์สินชิ้นสุดท้ายที่จะอยู่คู่กายใจของเราที่จะต้องช่วยกันเก็บรักษาเอาไว้แต่ที่สำคัญต้องใช้ปัญญานั้นให้ช่วยกันดำรงรักษาตัวตนและให้รู้ตัวตนเองให้ได้ว่าตัวเองคือใคร อยู่ที่ไหน ในสถานที่นั้นให้ประโยชน์อะไรแก่เราในการอยู่กินอาศัย และใครที่เป็นผู้รักษาผืนแผ่นดินที่ให้เราได้อยู่ได้กินและทำให้เราเกิดมาเป็นตัวตนและมีปัญญาที่จะต้องคิดค้นในเรื่องนี้ให้จงได้ 
|
|
|
|
![]() |
|
สำนึกไทย!
|
พุทธศาสน์คู่ไทย
คำร้อง หลวงสารานุประพันธ์ ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน
ไทย เป็นชาติ มีน้ำใจ ใสสุทธิ ถือคติ วิมุติ พุทธศาสนา นามรุ่งเรือง เมืองพระ ตลอดมา เพียบพร้อม อารยะ วัฒนะชัย พระพุทธเจ้า ประสาทธรรม อมฤต ขัดเกลาจิต อบรม บ่มนิสัย นิกรชน ประพฤติดี มีวินัย สุจริต กายวาจาใจ ไตรทวาร ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นพาหะ เกิดตบะ แรงกล้า มหาศาล ปรับคน ให้เป็นคน พ้นจากพาล อาบศีลธรรม เบิกบาน ทุกตัวคน ประเทศไทย ได้ดำรง คงสันติ เพราะอภิ นิหาร พระประสิทธิผล ไทยทั่วหน้า พุทธศาสนิกชน จึงบูชายิ่งชีพตน ด้วยภักดี
|
|
|
|
![]() |
|
ขอภาพ!
|
|
|
|
|
![]() |
|
|
ประเทศไทย ได้ดำรง คงสันติ เพราะอภิ นิหาร พระประสิทธิผล ไทยทั่วหน้า พุทธศาสนิกชน จึงบูชายิ่งชีพตน ด้วยภักดี
|
|
|
|
![]() |
|
![]() |
|
|
ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นพาหะ เกิดตบะ แรงกล้า มหาศาล ปรับคน ให้เป็นคน พ้นจากพาล อาบศีลธรรม เบิกบาน ทุกตัวคน
|
|
|
|
![]() |
|
5555555
|
ขอขอบคุณที่ส่งภาพมาให้ และเราก็ยังเชื่อมั่นในจุดยืนคือ ต้องรักษา ความดี เอาไว้ให้มั่นเพราะนี่คือ แบรนด์แนม ของประเทศไทย เพราะรอบโลก รอบบ้านเมืองไทย ไม่มีอีกแล้ว มีที่นี่ที่เดียวที่กำลังขับเคี่ยวกันชนิดที่ว่า จะต้องคนกันให้ละเอียดยิบตาให้จงได้ เพื่อให้เหลือน้ำดีในน้ำสุดท้ายหรือเพื่อให้สะเด็ดน้ำ หากเป็นมะพร้าวก็จะต้องคั้นให้ถึงหัวกะทิให้จงได้ หรือไม่ก็หากเป็นกวนกระยาสารทก็ชนิดที่จะต้องให้ได้รสชาดดีที่สุดนั้นได้ หรือหากให้เป็นน้ำผึ้งนี่ 55555ไม่อยากเห็นเป็นน้ำผึ้งหยดสุดท้ายอ่ะในประเทศไทย555555
|
|
|
|
![]() |
|
เอาชนะอะไรกัน
|
คือ ทุกอย่างที่กระทำกันลงไป ก็มีผลลัพธ์บ่งบอกเป็นคำตอบแล้วไซร้ในประเทศไทยคือ คงความดี เอาไว้เป็นหลักประกันความมั่นคงภายในไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่แห่งใดในประเทศไทย ความดี ย่อมเป็นที่ตั้ง แต่จะตั้งอะไรแข่งกับความดี หรือคิดเอาชนะคำนี้ให้จงได้
ก็มัน ซตพ. อยู่แล้วประเทศไทยคือ ความดี จะดำรงคงอยู่คู่ประเทศไทย
แล้วเหตุไฉนจึงจ้องเอาชนะคะคานกัน เพราะผลที่สุดนั้น ก็ย่อมแพ้ ความดีอยู่วันยังค่ำในประเทศไทย 
|
|
|
|
![]() |
|
ฟังเด็กสอนมั่ง
|
เพลงประกอบภาพ คห.118  เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน หนึ่ง นับถือศาสนา สอง รักษาธรรมเนียมมั่น สาม เชื่อพ่อ แม่ครูอาจารย์ เพลงหน้าที่เด็ก (เด็กเอ๋ยเด็กดี) – เพลงวันเด็กแห่งชาติ สี่ วาจานั้นต้องสุภาพอ่อนหวาน ห้า ยึดมั่นกตัญญู หก เป็นผู้รู้รักการ งานเจ็ด ต้องศึกษาให้เชี่ยวชาญ ต้องมานะบากบั่น ไม่เกียจไม่คร้าน แปด รู้จักออมประหยัด เก้า ต้องซื่อสัตย์ตลอดกาล น้ำใจนักกีฬากล้าหาญ ให้เหมาะกับกาลสมัยชาติพัฒนา สิบ ทำตนให้เป็นประโยชน์ รู้บาปบุญคุณโทษ สมบัติชาติต้องรักษา เด็กสมัยชาติพัฒนา จะเป็นเด็กที่พาชาติไทยเจริญ
|
|
|
|
![]() |
|
ไหม!
|
ข้อสิบบางทีตั้งแต่เด็กจนโตก็ยังจำไม่ได้ อย่างนี้ต้องร้องเป็นเพลงเป่าใส่หูทุกเมื่อเชื่อวันก็คงจะดี เผื่อจะได้รู้สึกไปที่ทุกทวารแล้วต้องปิดเอาไว้เพื่อมิให้ทะลุออกไปได้ในประเทศไทย 
|
|
|
|
![]() |
|
|
ผู้ใหญ่ควรนำบทปฏิบัติของเด็กไปปฏบัติด้วยยิ่งดี...
|
|
|
|
![]() |
|
คิดเพื่อประเทศไทย
|
ประโยชน์ของความดีที่เป็นแบรนแนมให้กับประเทศไทยนั้นคือ
๑. คนทั่วโลกให้ความเชื่อมั่นและยอมรับนับถือ อันจะส่งผลให้บังเกิดคุณค่าไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ สิ่งของ ที่ส่งตรงจากประเทศไทยหากได้ประทับแบรนแนมนี้ไซร้ ก็จะดังขจรขจายไปทั่วโลกนั้นได้
๒. ทุกตารางนิ้วที่เป็นผืนแผ่นดินไทย หากใครได้มาสัมผัสแรกนั้นก็จะดื่มด่ำไปด้วยรูป รส กลิ่น เสียง ต่างๆ นั้นก็ดื่มด่ำไปด้วยความดีงามสยามประเทศไทย ดื่มด่ำในรสพระธรรม ดื่มด่ำไปด้วยรสชาดอาหารการกินที่อุดมสมบุรณ์ กลิ่นหอมของความดีจะเย้ายวนให้มาแสวงหา และเสียงที่แซ่ซร้องนั้นหนาก็มีรูปทรงหรูหราคือ ทรงพระเจริญ ตลอดเวลาในเมืองไทย
๓. พืชพันธฺุ์ไม้ก็ล้วนแต่ทรงคุณค่า ด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่ว่าเหล่าบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ ก็ต้องด้วยการอบรมบ่มเพาะสั่งสอนให้เกิดปัญญาให้มีคุณค่าทางด้านจิตใจให้ใฝ่แสวงหาต่อยอดความดีนั้นหนาให้สถาพรในประเทศไทย
๔. วิทยายุทธ์อย่างหลากหลายทั้งด้าน ศาสตราวุธ คุณวุฒิ ไสยเวทยวิทยา คาถาอาคม ที่จะบ่มเพาะเป็นเรื่องที่น่านำไปบูชาเพื่อให้เกิดสิริมหามงคลนั้นก็ต้องได้แต่สถานที่ที่บ่มเพาะด้วยความดีเท่านั้นถึงจะต้องมนต์ขลังนั้นได้ และนี่แหละคือที่มาของแผ่นดินไทยที่ว่ามหาบุรุษหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ได้ดำรงรักษาเอาไว้อย่างมั่นคงเสมอมาและไขว้คว้าค้นหาคนดีที่จะมาต่อยอดและตอบสนองความดีให้มั่นคงนี้ตลอดกาลนานในประเทศไทย 
|
|
|
|
![]() |
|
นี่คือเมืองไทย
|
คุณรู้ไหมแค่ดินที่หยิบขึ้นมานี้เพียงแค่รู้ว่าเป็นดินที่เก็บมาจากประเทศไทย หรือข้าวสักเมล็ดที่เก็บจากผืนแผ่นดินไทย เพียงเท่านี้ ก็สามารถขึ้นหิ้งบูชาได้ เพราะทุกสิ่งนี้อยู่ภายใต้ร่มพระบารมีของพระเจ้าแผ่นดินไทย รับรองได้ว่าสามารถเอาขึ้นหิ้งบูชาได้อย่างสนิทใจ เพราะทุกอย่างได้มีพิธีการยกตัวอย่างพิธีแรกนาขวัญนั้นที่จะติดตราตรึงใจประชาชนทั่วโลกนั้นที่จะชี้ให้เห็นนั้นได้ 
|
|
|
|
![]() |
|
สงสัย!
|
|
|
|
|
![]() |
|
|
ข้อแปดรูจักออมประหยัด เก้าต้องซื่อสัตย์ตลอดกาล น้ำใจนักกีฬากล้าหาญ..
..ต้องมีความซื่อสัตย์ในการบริหารเพื่อคนไทยทุกคน....
|
|
|
|
![]() |
|
ไม่น่าเชื่อ!
|
ท้าวเทวทัต ไม่ต้องตรงสักข้อเลยอ่ะ 
|
|
|
|
![]() |
|
เศษขี้ผง
|
เราไม่คิดตามนั้น เราคิดแต่เพียงว่าหากทุกคนมุ่งปรารถนาดีต่อกัน โดยมีความดีเป็นที่ต้ังแล้วไซร้ ทุกอย่างก็จะพูดคุยตกลงกันได้ที่จะไปในทิศทางเดียวกัน แต่ที่สวนทางกันนี้ก็คือพวกในเรื่องที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง พูดเพื่อไปลบล้างความถูกต้อง ที่เขามีกฏกติกาเอาไว้ใช้ร่วมกันที่จะอยู่ร่วมกันได้บนแผ่นดินนี้ แต่นี่คิดว่าผู้ที่ไม่ได้ก่อการดีที่จะคิดรักษาความดีนี้ เขาก็คงจะเป็นผู้ก่อการไม่ดี เพื่อที่จะมาล้มล้างความดีให้เอาความไม่ดีของตัวเองนี้เป็นที่ตั้งในการที่จะครอบงำความคิดของคนไทย
แต่ถึงอย่างไร เพชร ก็คือ เพชร อยู่วันยังค่ำ ความดีเปรียบเสมือนกับ เพชรแท้ ที่ถึงแม้จะไปตกต้อง ณ ที่แห่งใด ก็ย่อมส่องสว่างส่งประกายให้ค้นพบนั้นจนได้แม้จะตกอยู่ในโคลนตม
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า สังคมไทยจะต้องจมปรักอยู่ในวังวนนี้อีกนานสักแค่ไหน ขืนปล่อยเอาไว้เนิ่นนานไป ก็จะกลายเป็นสิ่งหมักหมมเป็นโคลนตมที่จะฝังให้เพชรนั้นจมดิ่งลึกลงไปทุกที ๆ จนยากที่จะค้นพบได้ แต่ที่ทำตัวกันอยู่นี้ก็เป็นเพียงเศษขี้ผงที่นับวันจะทับถมเป็นกองกิเลสหนาติดแน่นจนยากแก้การทำลาย หรือหากจะเช็ดทำความสะอาดก็ไม่อาจจะลบรอยชั่วร้ายนี้ไปได้ ตราบที่ยังไม่มีคนดีที่จะลุกขึ้นมาทำความสะอาดในรวดเร็วก่อนที่จะสาย 
|
|
|
|
![]() |
|
คงรอวันหายนะ
|
ไม่คิดเลยว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศไทยจะกลายเป็นเรื่องที่จะต้องใช้ปัญญาขบคิดให้ได้ว่าจะต้องแก้ไขปัญหานี้ไปได้อย่างไร เราคิดว่ามันเกิดจากการที่มีการให้มีการขึ้นทะเบียนคนยากจนเอาไว้ และนั่นก็คือต้นกำเนิดแห่งปัญหาทั้งมวลในประเทศไทย เพราะทะเบียนคนยากจนคนที่ไม่รู้นี่อาจจะมีจำนวนมากมายพอที่จะนำความคิดที่ไม่ดีไปสอดแทรกให้เกิดความคิดที่ผิดเพี้ยนไปได้
สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ มีคนใช้ความฉลาดของตนแต่นำเอาความฉลาดนั้นมาแปรเปลี่ยนคำพูดให้บันดาลดลให้เกิดประโยชน์ใส่ตนเองนั้นได้ และหากว่าเราปล่อยปละละเลยกันไปเยี่ยงนี้เนิ่นนานวันเข้า ความขลาดเขลาจะมาบ่มเพาะให้เกิดกิเลส ตัณหา เพิ่มพูนในปัญญามากขึ้นทุกวัน โดยที่ไม่มีใครที่จะลุกขึ้นมาแก้ไขให้ถูกต้องได้ คิดดูแล้วกันว่าสังคมไทยจะเป็นเยี่ยงใด เรานึกไม่ออกเลยว่า จะมีปัญญาที่ดีที่ไหนไปสั่งสอนลูกหลานไทยของเราให้รู้ว่าความดีเป็นอย่างไร ในเมื่อเราปล่อยให้ความชั่วมันปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่บนผืนแผ่นดินไทยนี้โดยที่ทุกคนนิ่งและวางเฉยกันทั้งหมดนั้นได้ 
|
|
|
|
![]() |
|
|
พระสยามเทวธิราชโปรดคุ้มครองให้คนไทยที่คิดดี รักชาติ รักแผ่นดินจงคุ้มครองทุกๆคน..ให้ปลอดภัย...
|
|
|
|
![]() |
|
|