คอลัมน์ ชายตาหาข้าวเปลือก/กาละแมร์ พัชรศรี twitter: @kalamare (มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ 5-11 ก.ค.56)ข่าวของพระสงฆ์ตอนนี้ร้อนแรงแซงหน้าปรับ ครม. ซะอีก!!!
เมื่อมีข่าวคืบหน้าออกมา หรือใครมีหลักฐานอะไรใหม่ๆ ใครไปรู้อะไรมา ก็งัดออกมาโชว์ ออกมาแฉ ชาวบ้านชาวช่องก็เม้าธ์กันให้สนุกปาก แถมวิเคราะห์เจาะลึก ประหนึ่งว่าอยู่ในเหตุการณ์ ตามมาด้วยการวิพากษ์วิจารณ์กันเหมือนนั่งจัดรายการคุยข่าว
ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น (ฮา)
แต่พูดไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้หยุดคิด หรือเอาเรื่องที่เกิดขึ้นมาปรับให้เกิดประโยชน์กับชีวิต เราก็ได้แค่บาปปากกับเสียเวลา พานเอาจิตตกต่ำลงไปอีก เม้าธ์เขาแต่เราก็ไม่ดีขึ้น
ประกอบกับชาวพุทธเกิดความเสื่อมศรัทธาในศาสนามากขึ้น ออกอาการผิดหวัง เสียใจ หมดอาลัยตายอยาก เบื่อพระ ไม่อยากเข้าวัด ไม่อ่านหนังสือ ยุติการทำบุญทำทาน และเหมารวมว่าเราคงเอาอะไรกับพุทธศาสนาไม่ได้แล้ว
ช้าก่อนโยม!!!
ที่เราเสื่อมศรัทธาและหมดหวัง เป็นเพราะเราไปยึดติดกับตัวบุคคลมากเกินหรือเปล่า ที่เราเข้าวัดเพราะเราได้ยินว่าพระอาจารย์องค์นี้ดี องค์นี้เด่น ให้เลข
แม่น มีอิทธิฤทธิ์ ทำอะไรที่คนธรรมดาทำไม่ได้ เป็นลูกศิษย์พระอาจารย์คนนั้นคนนี้หรือเปล่า บวชมาหลายพรรษาหรือเปล่า หรือเป็นเพราะคนใหญ่คนโตก็เข้าหา เพราะฉะนั้น เราจึงต้องไปบ้าง
ถ้าพิจารณาดูแล้วเราก็ไม่ต่างไปจากคนที่ไปคลั่งไคล้ศิลปินดารานักร้องที่ดูแค่เปลือกนอก ดูแค่ความสวยความหล่อ ความสามารถ โดยไม่ได้ดูเนื้อแท้ ไม่ได้ดูว่าเราได้คติคำสอน หลักธรรมใดมาใช้ในชีวิตเราบ้าง
ที่เราเข้าวัดเพราะเราทุกข์ใช่หรือไม่ เราคาดที่พึ่งทางใจใช่หรือไม่
ถ้าใช่! คุณคิดว่าการเข้าไปแล้วเอาแต่ทำบุญถวายปัจจัย ข้าวของเงินทองให้กับพระ จะทำให้คุณดับทุกข์และมีหนทางพ้นทุกข์ได้หรือไม่
วิธีการดับทุกข์ไม่ได้ของที่ขายตามซูเปอร์ ที่เข้าไปจ่ายตังค์แล้วเราก็หาย
หนทางพ้นทุกข์ไม่ใช่เป็นโรค ที่เราต้องไปหาหมอเก่งๆ ให้เขาพรมน้ำมนต์ให้ ให้เขามอบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ แล้วเราจะหาย แล้วเราจะรอด
เรากำลังโยนความรับผิดชอบในชีวิตตัวเองให้คนอื่นเป็นคนช่วยจัดการให้เราหน่อย โดยใช้เงินทอง พิธีกรรมเป็นเครื่องมือ
เราดับทุกอย่างแต่ภายนอก แต่เราไม่เคยหาวิธีการที่จะดับที่ต้นเหตุหรือดับที่ใจของเราเลย
ฉันไม่ได้ต่อต้านหรือไม่ให้คนเข้าวัด เพราะฉันก็เป็นพุทธศาสนิกชนคนหนึ่งที่ยังเข้าวัดอยู่ เพียงแต่วิธีการเปลี่ยนไป เหมือนกับที่เคยเขียนเรื่อง "ขอพร...ขอทำไม" ไว้ในมติชนสุดฯ ก่อนหน้านี้
มันเป็นการบอกกับจิตของเราว่าเรามีจุดมุ่งหมายอย่างไร จะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร เมื่อพูดกับตัวเองซ้ำๆ มันจึงเป็นการให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอ และความเงียบสงบของวัดก็จะทำให้เรามีสมาธิได้ง่ายขึ้น
การบริจาคทรัพย์บางส่วนเพื่อทำนุบำรุงค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหาร การศึกษา ก็เป็นการทำให้พระพุทธศาสนายังดำรงสืบต่อไป และให้เรารู้จักการให้และแบ่งปัน
พอพูดมาถึงตรงนี้ พุทธศาสนิกชนบางส่วนที่จัดหนัก จัดแน่น จัดเต็มให้วัดคงแหวมาเลยว่า "ชั้นก็บริจาคไงยะ ให้รถเป็นคันๆ ให้เงินเป็นแสนๆ ล้านๆ ให้นั่นให้นี่พระเต็มไปหมด นี่ยังไม่ดีอีกเหรอ"
แล้วที่ข่าวมันออกมา มันดีไหมล่ะ!!
พระก็คน บางรูปก็ยังไม่ละซึ่งกิเลส ฆราวาสอย่างเราๆ ไปสปอยด์มากๆ เข้า ก็ตบะแตกเหมือนกัน วันๆ มีเงินไหลเข้าเป็นหมื่นเป็นแสน อยากจะฉันอะไรไปไหนมีคนอำนวยความสะดวกแทบจะไม่ต้องเดินอยู่แล้ว เมื่อมีผลประโยชน์และเงินทองเข้ามาขนาดนี้ มีหรือจะไม่เขว
แล้วพอเกิดเรื่องขึ้น ญาติโยมก็ตั้งข้อสงสัยว่า เอาเงินไปหรือเปล่า ใช้เงินที่ถวายให้ยังไง เอาไปซื้ออะไรบ้าง??!!
หือ??!!! ถวายให้ไปแล้วยังต้องมานั่งตรวจสอบ จะทำไปเพื่ออะไร แล้วถามหน่อย ให้เงินพระไปมากๆ ชีวิตพระจริงๆ แล้วต้องการอะไรอีกเหรอ จริงๆ ท่านต้องสละแล้ว ปล่อยวาง ไม่ยึดติดไม่ใช่เหรอ แต่โยมเอาเงินไปให้กันมากๆ เอาข้าวของไปถวาย แล้วพอพระเอาไปใช้ เอาเงินไปซื้อของก็ออกมาโวย อ้าว!! ก็ให้พระไปเองนี่ จะมาร้องกันทำไม
หรือคาดหวังว่าท่านจะเอาเงินไปซื้อจีวรใหม่ ย่ามใหม่ บาตรใหม่ กุฏิใหม่ก็ไม่ต้องสร้างเพราะทุกวันนี้ก็ติดแอร์จนฉ่ำแล้ว
เรามัวแต่มุ่งไปที่ตัวบุคคลจนเกินไป เมื่อพระทำอะไรที่เราไม่ได้คาดหวังไว้ เราก็ผิดหวัง
ดูสิ! แค่ก้าวขาเข้าวัดด้วยความคิดนี้ก็ทุกข์เพิ่มอีกอย่างแล้ว
เรื่องราวของพระที่เกิดขึ้นทำให้เราคิดว่า อะไรก็ไม่เที่ยง อะไรก็ไม่จีรังยั่งยืน อย่าคิดว่าอะไรจะคงอยู่ตลอดไป อย่าคิดว่าเราจะโสดตลอดไป ในวัย 50 กว่าเราอาจจะเจอคู่แท้ (ฮา)
แต่สิ่งหนึ่งที่มีอยู่เสมอและไม่หายไปไหนคือ พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เพียงแต่เราต้องอ่านต้องศึกษาและนำไปปฏิบัติ เขื่อไหมว่า ไม่ว่าคุณจะสุขเกินไป เศร้า เหงา รัก อกหัก เป็นหนี้ ซวยจัง ผิดหวัง เบื่อๆ เซ็งๆ รู้สึกกรรมเยอะ โดนของหรือเปล่า หรือทำอะไรก็ติดขัด คนไม่รัก นอนไม่หลับ เครียด เป็นโรคนั้นโรคนี้ ผิวพรรณหมองคล้ำ เจอรสพระธรรมเข้าไป อาการตาสว่างจะตามมา!!
ลองทำดู ไม่เสียเงินมาก ไม่ผิดหวังซ้ำซากจากพระ ไม่ต้องดั้นด้นไปทำบุญไกลๆ ไม่ต้องอาศัยชายผ้าเหลืองใครให้ได้ขึ้นสวรรค์ นั่งอยู่ที่บ้านเงียบๆ แล้วอ่านหนังสือธรรมะ
รู้ตื่น รู้เบิกบาน และรู้เรื่อง ลองดู!!!