หลักการตลาด หลักจรรยาบรรณ และ หลักพันธะสัญญา ไม่รุ้เข้าใจกันถ่องแท้แค่ไหน ก็ได้แต่ออกความเห็นกันไป
ถ้าคุณตันผิดมากขนาดนั้น อยากถามว่า EST Cola ผิดหรือไม่ / คุณเป็นพนัก
งานของบริษัทหนึ่ง แล้วลาออกไปทำงานกับบริษัทที่ทำธุรกิจแบบเดียวกัน ผิดหรือไม่ / ลาออกไปเปิดธุรกิจ ที่มีลักษณะแข่งขันกับธุรกิจเดิมผิดหรือไม่ / คุณเซ้งร้านข้าวแกง ไปแล้ว แต่มาเปิดร้านข้าวแกง ที่ฝั่งตรงข้าม ผิดหรือไม่
การตลาด คือ การแข่งขันอย่างเสรี ไม่ใช่การผูกขาด
จรรยาบรรณ คือ การทำสิ่งที่ถูกที่ควร ในกรณีนี้ ไม่ใช่จรรยาบรรณทั่วไป แต่เป้นจรรยาบรรณของนักการตลาด คือ การแข่งขันทางการค้า อย่างยุติธรรม
พันธะสัญญา คือ การทำตามสัญญา
โออิชิ ดัง ก็มาเสนอราคาขายที่ทำกำไรอย่างงามให้ตัน และ เชื่อว่า คงไม่มีสัญญาผูกมัดว่า ห้ามตัน ทำธุรกิจ ชาเขียว ตันก็เลยยอมขาย หากเป็นคุณ แค่เสนอซื้อธรรมดา แต่เป็นธุรกิจที่คุณตั้งมา และ มองเห็นกำไรในอนาคตระยะยาว คุณจะยอมขายไหม คงไม่ยอม แต่คงมีเงื่อนไขแบบที่ว่า ตันเลยยอมขาย อีกอย่าง หากผิดสัญญา ป่านนี้ ตันโดนฟ้องไปแล้ว
ตอบโดนใจ ใช่เลยครับ เสริมอีกนิด
มองในแง่ธุรกิจ ไม่ผิดแน่นอน แม้แต่ลูกจ้างบริษัท ร้านค้า ฝึกงานจนชำนาญ แล้วก้อออกมาเปิดร้านเองออกเยอะแยะ เป็นเรือ่งปกติของกลไกการตลาด
ในเชิงธุรกิจ คุณลองมองกลับไปว่า คุณคิดว่าคุณตันจะขายโออิชิทิ้งเพราะอะไร ในช่วงที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดีขนาดนั้น มันต้องมีปมบางอย่างที่เค้าไม่อยากบอกให้คุณรู้หรือเปล่า แล้วการที่ขายสิ่งที่ตัวเองมีอยู่แล้ว คนรู้จักอยู่แล้ว ไปสร้างแบรนด์ใหม่เริ่มจากศูนย์ มันต้องใช้ความพยายามและการโฆษณามากขนาดไหน อีกอย่างอิชิตัน ก้อเป็นแค่ผลิตภัทฑ์นงที่มาดึงส่วนแบ่งการตลาด ไม่ใช่แย่งทุกอย่างไปจากโออิชิ ใครชอบโออิชิก้อกินโออิชิ ใครชอบอิชิตันก้อกินอิชิตัน ลองย้อนกลับไปสมัยพิซซ่าฮัท กับเดอะพิซซ่า คอมพะนีซิคับ นั่นก็กรณีเดียวกันหรือเปล่า อีกฝ่ายก้อขายหุ้นแล้วแยกตัวมาสร้างแบรนด์ของตัวเองแข่งเหมือนกัน
เรื่องของธุรกิจของเขา เราไปสนใจทำไม คุณอยากกินของใครก้อกินไป ทุกวันนี้ผมไม่ดื่มชาโออิชิ ดื่มแต่อิชิตัน แต่ร้านอาหารของโออิชิ ผมก็เข้าทุกร้าน อยู่ที่ความชอบ หันมามองที่การทำเพื่อสังคม และการทำประโยชน์เพื่อสังคมดีกว่า