คุณอยากให้พี่เบิรด์และคุณโน๊ตลงสมัครผู้ว่ากทม.หรือไม่????
ประวัติพี่เบิรด์
ทำความรู้จักกับซุปเปอร์สตาร์ตลอดกาลของเมืองไทยที่ชื่อ เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ ที่มีผลงานมามากมายไม่ว่างานเพลง ละคร ภาพยนตร์ และอื่นๆอีกมากมาย จนมาถึงปัจจุบันพี่เบิร์ดก็ยังได้รับความนิยมอยู่ตลอดและเป็นที่รักของแฟนๆทั้งประเทศ ซึ่งถือว่าพี่เบิร์ดนั้นเป็นนักร้องที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ทั้งนี้พี่เบิร์ดยังสร้างปรากฏการณ์ละครที่มีเรตติ้งสูงสุดในประเทศคือ “ละครคู่กรรม” อีกด้วย
ชื่อเกิด ธงไชย แมคอินไตย์
ชื่อเล่น เบิร์ด
วันเกิด 8 ธันวาคม พ.ศ. 2501 (53 ปี)
การศึกษา
-ระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดนิมมานรดี
-ระดับมัธยมศึกษาที่ โรงเรียนปัญญาวรคุณ
-ระดับอนุปริญญาสาขาการจัดการ ที่วิทยาลัยพาณิชยการธนบุรี
-ระดับปริญญากิตติมศักดิ์ ศิลปบัณฑิต คณะนาฎศิลปและดุริยางค์ – ดนตรีสากล จาก สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล
พิธีกร นักพากย์
- เริ่มเป็นพิธีกรครั้งแรกคู่กับมยุรา ธนะบุตรจากรายการ แซทสตาร์ หรือรายการ โชคติดปุ่ม
-พิธีกรในรายการ7 สีคอนเสิร์ต ร่วมกับ มยุรา เศวตศิลา ปี พ.ศ. 2529 – พ.ศ. 2531
-พิธีกรรายการ สุริยาตาหวาน ของ JSL
-พิธีกรรายการ แฮบปี้เบิร์ดเดย์
-2554 เริ่มเป็นผู้พากย์การ์ตูน เบิร์ดแลนด์ แดนมหัศจรรย์
โฆษณา
-หมากฝรั่ง LOTTE ชุด“เพื่อน” สโลแกน “ลอตเต้เพื่อนคู่ปาก”
-ฟิล์มสีฟูจิ ชุด Jamaica
-โทรทัศน์สี Panasonic ชุด อลาสก้า นิวยอร์ก
-มันฝรั่งเลย์
-เครื่องสำอาง U-Star
-แบรนรังนก
-HONDA ชุด Big Family
-เครื่องดื่มชาเขียวแท้ Namacha
-การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โครงการ “เที่ยวที่ไหนไม่สุขใจเท่าบ้านเรา”
และคุณโน๊ต
อุดม แต้พานิช หรือ โน้ส เกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2511 (อายุ 41 ปี) ที่จังหวัดชลบุรี เป็นบุตรของนางทองสุข อารีล้นกับนายสมจิตร์ แต้พานิช มีพี่น้อง 3 คน เป็นคนกลาง เคยศึกษาที่แผนกวิชาพาณิชยศิลป์ วิทยาลัยเพาะช่าง แต่ไม่สำเร็จการศึกษา
อาชีพ นักแสดง นักเขียน ศิลปิน ตลก
ประวัติการทำงาน
อุดมเริ่มงานแรกเป็นคนเขียนการ์ตูนที่ชัยพฤกษ์ ทำได้สองเดือนก็ลาออกด้วยเหตุผลที่มันไม่ตรงกับใจเท่าไร เมื่อได้อ่าน ไปยาลใหญ่ ฉบับแรกบนแผงรู้สึกถูกใจในบุคลิกของหนังสือ อยากร่วมงานด้วย ครั้งแรกไปสมัคร TRY OUT เป็นนักแสดงละครของศิษย์สะดือ ด้วยลูกตื้อและบุคลิกที่ไม่เหมือนใคร จึงได้ร่วมงานกับศิษย์สะดือสมใจ ความรักของมาลัยในห้องไอซียู เป็นละครเรื่องแรกที่เล่น ได้รับบทเป็นคนแก่ในโรงพยาบาล จบจากละครก็ก้าวเข้าสู่ถนนหนังสือ ในตำแหน่งฝ่ายศิลปของไปยาลใหญ่
ที่ไปยาลใหญ่ถือเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต สังคมในไปยาลใหญ่ล้วนเป็นนักอ่านตัวยงด้วยกันทั้งนั้น อุดมได้รับอิทธิพลนี้มาและได้มาค้นพบโลกของตัวเองอีกโลกหนึ่งที่นี่ คือโลกของการอ่าน แล้วยังค้นพบความสามารถในการเขียนหนังสือ เมื่ออุดมอ่านหนังสือมากๆ จึงเกิดแรงใจอยากเขียนหนังสือให้คนอื่นอ่านบ้าง ครั้งหนึ่งในชีวิตกับแตงโมปั่น งานเขียนเรื่องแรกแจ้งเกิดในสนามไปยาลใหญ่นั่นเอง มี ศุ บุญเลี้ยงเป็นบรรณาธิการ หลังจากงานได้ตีพิมพ์ อุดม เริ่มรับผิดชอบคอลัมน์ต่างๆ ในไปยาลใหญ่ โดยใช้นามปากกาว่า "โน้ตหน้ามึน หลานเจ๊นี้ขายผลไม้" ควบคู่ตำแหน่งฝ่ายศิลปของหนังสือ ใครที่เป็นแฟนไปยาลใหญ่คงคุ้นเคยและติดอกติดใจกับเกมส์กวนๆ ในคอลัมน์ ‘สารภีมีดีให้’ อุดมเป็นสารภีในช่วงท้ายของหนังสือก่อนที่ไปยาลใหญ่จะปิดตัวเองลง
อุดมพาความสามารถเข้าสู่เส้นทางสายบันเทิงโดยเริ่มจากเป็นตัวประกอบในรายการวิก 07 ของ เจเอสแอล และเล่นเกมส์รายการจุดเดือด ทางผู้ใหญ่ในเจเอสแอลประทับใจลีลาจึงชักชวนมาร่วมงานด้วยในรายการ ยุทธการขยับเหงือก ซึ่งเป็นรายการ Comedian Show ที่มีความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของช่อง 5 ในยุคนั้น จึงทำให้อุดมได้แจ้งเกิดในวงการบันเทิงอย่าง เต็มตัวในชื่อ เสนาฯ โน้ต และต่อมาในยุคอดีตนั้นเคยแสดงเป็นตัวปริศนาในภาพ VTR กับคุณศุภกร อุดมชัย หรือ "หมี ปลื้ม" ที่ใช้ชื่อว่า "ปริศนา อ้วน-ผอม" ในรายการชิงร้อยชิงล้าน ของบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ 17 มกราคม 2533 - 29 มกราคม 2535 ทางช่อง 7 หลังจากความสำเร็จในครั้งแรก อุดม แต้พานิช ได้ตัดสินใจแยกตัวออกมาจากรายการยุทธการขยับเหงือก และได้สร้างปรากฏการณ์ขึ้นในเมืองไทย นั่นก็คือ การพูดตลกคนเดียวบนเวที ทำให้คนไทย ได้รู้จักคำว่า Stand Up Comedy หรือ ในชื่อไทย เดี่ยวไมโครโฟน เป็นครั้งแรก และเป็นซูปเปอร์สตาร์ ของเมืองไทย
[แก้] การแสดงเดี่ยวไมโครโฟน
* ครั้งที่ 1 (เดี่ยวไมโครโฟน) 2538 เปิดการแสดงทั้งหมด 3 รอบ ทำการแสดงที่ หอประชุมเมืองไทยประกันชีวิต อาคารเมืองไทย-ภัทร คอมเพล็กซ์ ความจุ 450 ที่นั่ง
* ครั้งที่ 2 (อุดม โชว์ห่วย) 2539 เปิดการแสดงทั้งหมด 14 รอบ ทำการแสดงที่ หอประชุมเมืองไทยประกันชีวิต ความจุ 450 ที่นั่ง
* ครั้งที่ 3 (อุดม การช่าง) 2540 เปิดการแสดงทั้งหมด 22 รอบ ทำการแสดงที่ อิมพีเรียล ลาดพร้าว
* ครั้งที่ 4 (เดี่ยว 4) 2542 เปิดการแสดงทั้งหมด 28 รอบ ทำการแสดงที่ เอ็มซีซี ฮอลล์ เดอะมอลล์ บางกะปิ
* ครั้งที่ 5 (ฉายเดี่ยว) 2545 เปิดการแสดงทั้งหมด 30 รอบ ทำการแสดงที่ โรงภาพยนตร์สกาล่า ความจุ 1,000 ที่นั่ง
* ครั้งที่ 6 (ตูดหมึก) 2546 เปิดการแสดงทั้งหมด 43 รอบ ทำการแสดงที่ โรงภาพยนตร์สกาล่า ความจุ 1,000 ที่นั่ง
* ครั้งที่ 7 (เดี่ยว 7) 2551 เปิดการแสดงทั้งหมด 41 รอบ (ไทย 39 รอบ,ซิดนีย์ 2 รอบ) ทำการแสดงที่ โรงภาพยนตร์สกาล่า ความจุ 1,000 ที่นั่ง
* ครั้งที่ 7.5 (เชียงใหม่ม่วนขนาด) 19-20 กรกฎาคม 2551 เปิดการแสดงทั้งหมด 3 รอบ ทำการแสดงที่ กาดสวนแก้ว เชียงใหม่ ความจุ 2,000 ที่นั่ง
* ครั้งที่ 8 (เดี่ยว 8) 4-16 กุมภาพันธ์ 2553 เปิดการแสดงทั้งหมด 13 รอบ ทำการแสดงที่ รอยัลพารากอนฮอลล์ สยามพารากอน ความจุ 3,108 ที่นั่ง
* ครั้งที่ 9 (เดี่ยว 9) ประมาณต้นปี หรือ ปลายปี 2554
หาก 2 ท่านนี้ลงสมัครผู้ว่าท่านจะเลือกใครดีครับ ต้องเลือกคนรุ่นใหม่ไฟแรงและด้านชื่อเสียงดีเด่นกันทั้งคู่ครับ หากท่านมีใครอยากเสนออีกก็เสนอเข้ามาได้ท่านผู้อ่านและประชาชนชาว กทม.เป็นผู้ตัดสินครับ...
ลองเสนอเข้ามานะครับเพื่อความรุ่งเรืองของชาวกรุงเทพมหานครครับ