ซูซูกิ สวิฟท์ มาแรงแต่ต้องลุ้น ซูซูกิ สวิฟท์ โฉมใหม่ จากค่าย ซูซูกิ ที่จะมาเปิดตัวในฐานะรถอีโค คาร์ใน
ไทย นับเป็นเจเนอเรชันที่ 2 การทำตลาดในไทยจะแบ่งเป็น 3 เกรด คือ GA, GL และ GLX โดยทั้งหมดวางเครื่องยนต์เบนซิน รหัส K12B ขนาด 1242 ซีซี 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบ VVT วาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดี-ไอเสีย ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20
ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด
มิติตัวถังใหญ่กว่าโมเดลแรกนิดๆ ด้วยความยาว 3,850 มม. กว้าง 1,695 มม. สูง 1,510 มม.
ช่วงล่างด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง เหล็กกันโคลง หลังทอร์ชันบีม คอยล์สปริง พวงมาลัยแร็กแอนด์พิเนียนผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
ราคาคาดว่าในรุ่นเริ่มต้น GA เกียร์ธรรมดา คงอยู่ประมาณ 3 แสนบาทปลายๆ ไปถึง รุ่นท็อปที่ 5 แสนเศษ หรือพูดง่ายๆ ว่า รถอีโค คาร์ที่เข้ามาขายในเมืองไทย มีราคาอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน
สวิฟท์ถือว่าเป็นรถที่ออกแบบได้ลงตัว และน่าสนใจมากๆ รุ่นหนึ่ง แต่อาจจะมีจุดอ่อนอยู่ที่ศูนย์บริการที่มีไม่มากนัก ซึ่งทางซูซูกิต้องเร่งขยายและเพิ่มศูนย์บริการให้มากกว่านี้ เพื่อความอุ่นใจของลูกค้า
นิสสัน มาร์ช ลงตัวทุกมิติ นิสสัน มาร์ช ทำตลาดก่อนใคร เป็นอีโค คาร์ คันแรกของโลกและคันแรกของเมืองไทย สร้างความประทับใจให้ลูกค้าคนไทยแบบไม่เคยมีมาก่อน ชนิดที่ว่าผ่านมาเกือบ 2 ปีแล้ว รถรุ่นนี้ยังต้องใช้เวลารอรับรถอย่างน้อยๆ 2-3 เดือนเลยทีเดียว การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของ นิสสัน มาร์ช คือ มีกระจังหน้าสองชั้นตอบสนองความมีสไตล์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามรูปทรงที่สวยงามคลาสสิกยังคงเป็นสิ่งสำคัญ และนี่คือเหตุผลที่มาร์ชยังคงมีเส้นโค้งบริเวณขอบหน้าต่าง (Arched side window) ที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมาร์ช ดึงดูดใจผู้พบเห็น แบบตัวถัง เก๋ง 5 ประตู หัวใจของนิสสัน มาร์ช ใช้เครื่องยนต์ใหม่รหัส HR12DE 1.2 ลิตร 3 สูบ ให้กำลังสูงสุด 59 กิโลวัตต์ หรือ 79 แรงม้า(ps)ที่ 6000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตรที่ 4400 รอบ/นาที มีระบบควบคุมการเปิดปิดของวาล์ว ( continuously valve-timing control -CVTC)
จุดเด่นสำคัญของเครื่องยนต์ตัวนี้คือ การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณเพียง 120 กรัม/ กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในระดับต้นๆ ของโลก ด้วยรูปทรงออกแบบได้ลงตัว ทำให้ตก
แต่งได้หลากหลาย แบบยอดฮิตคือแต่งให้คล้ายรถกับมินิ
มาร์ช มี 6 รุ่นย่อยให้เลือก แบ่งเป็นเกียร์ธรรมดา 2 รุ่น คือ S ราคา 375,000 บาท และ E 425,000 บาท ที่เหลือเป็นเกียร์อัตโนมัติ E 459,000 บาท EL 489,000 บาท V 507,000 บาท และVL ราคา537,000 บาท
นิสสัน อัลเมร่า มีดีที่ขนาด นิสสัน อัลเมร่า เป็นอีโค คาร์ รุ่นเดียวที่มาในแบบ 4 ประตู เพราะคู่แข่งในตลาดตอนนี้หรือที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคต ล้วนเป็นแบบ 5 ประตูทั้งสิ้น
รุ่นนี้มีดีที่ขนาด เพราะมีมิติตัวถังใกล้เคียงกับซิตี้ คาร์ คือ โตโยต้า วีออส และฮอนด้า ซิตี้ แม้เครื่องยนต์จะมีขนาดเพียง 1.2 ลิตร ทำให้คนส่วนใหญ่กลัวเรื่องอืด แต่จริงๆ แล้วไม่อืดขนาดนั้น ระดับความเร็ว 120 ก.ม./ชั่วโมง ทำได้สบายๆ
ที่เป็นไฮไลต์คือความกว้างขวาง มีมาให้เหลือเฟือ คนที่ตัวสูงๆ นั่งเบาะหลังยังรู้สึกสบาย พื้นที่วางขายมีเหลือให้เหยียดได้อีก
ใช้เครื่องยนต์ DOHC 3 สูบ แถวเรียง ความจุ 1,198 ซีซี กำลังสูงสุด 79 แรงม้า สูงสุด 106 นิวตัน-เมตร ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ แม็กเฟอร์สันสตรัต เหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบ ทอร์ชั่นบีมพร้อมเหล็กกันโคลง มิติตัวถังมีขนาด 1,6954,4251,500 ม.ม.(กว้างxยาวxสูง)
ส่วนราคาขายอยู่ที่ 429,000-599,000 บาท
ฮอนด้า บริโอ น่ารักน่าชัง ฮอนด้า บริโอ้ มาพร้อมเครื่องยนต์ฮอนด้า i-VTEC ความจุ 1.2 ลิตร 4 สูบ 90 แรงม้า สามารถรองรับเชื้อเพลิง E20 ให้อัตราการประหยัดเชื้อเพลิงที่เป็นเยี่ยมไม่ต่ำกว่า 20 ก.ม./ลิตร
จุดเด่นที่น่าประทับใจ อาทิ พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า (EPS) ที่นั่งหลังพับเก็บได้พวงมาลัย ปรับระดับได้ ไฟสัญญาณประหยัดเชื้อเพลิง ECO ระบบปรับอากาศ สัญญาณเตือน (สำหรับเบรกมือ กุญแจ ไฟหน้าและเข็มขัดนิรภัย) ระบบล็อกป้องกันเด็ก กุญแจ WAVE ระบบ Immoblizer เข็มขัดนิรภัยและไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED
มิติตัวถังของ บริโอ้ มีความยาว 3610 มม. กว้าง 1680 มม. และสูง 1485 มม. ฮอนด้าเลือกที่จะลดความสูงและขยายความกว้างของบริโอ้เพื่อเพิ่มความรู้สึกกว้างให้กับรถขนาดเล็กกะทัดรัด และลำตัวสั้นของบริโอ้ นอกจากจะช่วยให้การขับขี่คล่องตัวแล้วการจอดรถบนถนนแคบสะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น
มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย เริ่มจาก S MT (เกียร์ธรรมดา) ราคา 399,900 บาท V MT (เกียร์ธรรมดา) ราคา 469,500 บาท และ V AT (เกียร์อัตโนมัติ) ราคา 508,500 บาท
มิตซู มิราจ ขอทวงความยิ่งใหญ่
มิตซู มิราจ เป็นชื่อเก๋งเล็กที่ มิตซูบิชิ เคยขายในเมืองไทยและตลาดโลกเมื่อประมาณ 20-30 ปีที่แล้ว ซึ่งมิตซูบิชินำมาตั้งเป็นชิ่อรถอีโค คาร์ ที่จะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ เหมือนกับต้องการนำมาทวงคืนความยิ่งใหญ่ของเจ้าพ่อตลาดรถเล็กในอดีต
ออกแบบโดยเน้น “ความกะทัดรัด” “ราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย” และ “ประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม” ซึ่งตั้งเป้าสูงสุดไว้ที่ 22 กิโลเมตร/ลิตร รวมไปถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำ ซึ่งสอดคล้องกับคุณลักษณะของโครงการรถยนต์ประหยัดพลัง
งานมาตรฐานสากล หรืออีโค คาร์ ของรัฐบาล
บริษัทมีกำหนดแนะนำ มิตซูบิชิ “มิราจ” กับสื่อมวลชนชาวไทยในวันที่ 20 มีนาคมนี้ ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล
มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 33
สำหรับตลาดเมืองไทย คาดว่าราคาขายเริ่มต้น 380,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 550,000 บาท
…….ทั้งหมดนี้เป็นรถอีโค คาร์ของค่ายดัง ที่เข้ามาทำตลาดในไทย เมื่อบวกกับกระแสประหยัดพลังงานมาแรง ชนิดที่เรื่องเครื่องยนต์และขนาด ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับการตัดสินใจเป็นเจ้าของ และยิ่งราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มแพงขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าปีนี้อีโค คาร์ จะเป็นรถที่ได้รับความนิยมอย่างสูง
ส่วนใครชอบรุ่นไหน เลือกช้อปได้ตามใจชอบ หรือถ้าขี้เกียจแวะทีละโชว์รูม
ก็รอไปชมพร้อมกันรวดเดียวทั้งหมดได้ในงานมอเตอร์โชว์ปลายเดือนนี้
ที่มา : มติชนออนไลน์