อาหารตามสั่ง ถ้าเป็นร้านทั่วไปแต่ขาย 80 บาท
ใครซื้อมากิน หรือเอามาโชว์ ผมว่า ไม่บ้าก็ฉลาดน้อย
เหตุผล
* สินค้าทุกชนิด ตามกฎหมายต้องติดป้ายราคา นั่นคือผู้ซื้อ จะต้องเห็นราคาก่อนซื้อ ถ้าเห็นว่าแพง จะไปซื้อทำไม
ยิ่งถ้าคนไหนเป็น สส. เป็นข้าราชการ ท่านต้องถาม
แม่ค้าหละว่า ทำไมขาย 80 บาท ต้นทุนเท่าไหร่ ยังไง ให้กรมการค้าภายในไปตรวจสอบ
ร้านอื่นๆ เยอะแยะครับที่ราคาไม่แพง
สีลม มีร้านหนึ่ง ผมเจอเอง ข้าวราดแกง 2 อย่าง 25-30 บาท
ตลาดวงศกร สุขาภิบาล 5 ข้าวราดแกง 2 อย่าง 20 บาท ก็มี 25 บาทก็มี 30 บาท ก็มี
ตลาดยิ่งเจริญ สะพานใหม่ ก็ไม่แพง
แต่สีทีโอเอ ทำไมขึ้นราคาโหดจัง ผมว่ากรมการค้าภายในน่าจะไปตรวจสอบหน่อยนะ
สวัสดีครับ คุณ ไข่ (มีชื่อที่ลงทะเบียนแต่ทำไมจึงไม่ใช้....งงงงงง)
ที่จริงในเรื่องของการปรับราคาอาหารจานด่วนหรือว่า ก๋วยเตี๋ยว ริมทาง ซึ่งเป็นที่ฝากท้องของประชาชนอย่างเราๆ เป็นประจำอยู่แล้ว
ผมเคยได้แสดงความคิดเห็นไว้แล้วว่า
เกิดจาก "นโยบายค่าแรงขั้น 300 บาทและ 15000 บาท สำหรับ พนง.ใหม่ระดับปริญญาตรี" 
ของฝากจากเวปข้างบ้านครับ
V
V
V
หากยังจำกันได้ แคมเปญประชานิยมเรียก
คะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยในสมัย
เลือกตั้งหลังสุด คือ การยกเลิกกองทุนน้ำมัน เพราะเป็นภาระประชาชนและไม่เป็นธรรมต่อผู้ใช้น้ำมันเบนซินที่ถูกเก็บเงินเข้ากองทุนแล้วรัฐบาลนำเงินกองทุนน้ำมันไปใช้อุดหนุนราคาพลัง
งานอื่นๆ ทั้งดีเซลและก๊าซฯ ให้มีราคาถูกลง แต่พอถึงบทเข้ามาเป็นรัฐบาลจริง ใจกลับไม่กล้าเลิกเพราะกองทุนน้ำมันกลายเป็นกองทุนการเมืองที่รัฐบาลสามารถเอาเงินประชาชนผู้ใช้น้ำมันที่ถูกรีดเงินเข้ากองทุนไปใช้หาเสียงกับผู้ใช้พลังงานกลุ่มต่างๆ ได้เป็นอย่างดี รัฐบาลจึงแก้เก้อด้วยการ “เลิกเก็บชั่วคราว” ทำให้ราคาน้ำมันถูกลงทันที 5-7 บาท เงินกองทุนน้ำมันก็หร่อยหรอลงทันที กระทั่งมียอดติดลบสะสมประมาณสองหมื่นล้านในขณะนี้
แต่ชาวประชาดีใจได้เพียงชั่วครู่ จากนั้นเมื่อแคมเปญเลิกเก็บชั่วคราวจบลง ราคาน้ำมันก็เริ่มปรับขึ้น เริ่มจากเบนซิน 91 และ 95 ที่ปรับขึ้น 1 บาท ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลเบนซิน 91 พุ่งขึ้น อยู่ที่ลิตรละ 42.58 บาท เบนซิน 95 ลิตรละ 46.46 บาท โดยยังตรึงราคาดีเซลและแก๊สโซฮอลล์ เอาไว้ก่อน
อย่าลืมว่า นี่เป็นตัวเลขราคาปรับขั้นเริ่มต้นโดยที่ยังไม่มีกำหนดว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด เพราะไม่เพียงแต่ต้องทยอยปรับขึ้นเรื่อยๆ ให้ถึง 5 -7 บาทเช่นก่อนหน้าที่จะมีการยกเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนชั่วคราวสำหรับเบนซิน ซึ่งหากตัวเลขดังกล่าวเป็นหลักหมาย เบนซิน 91 มีโอกาสขึ้นไปถึงลิตรละ 48 บาท และ เบนซิน 95 ลิตรละ 51 บาทแล้ว ยังมีเงื่อนไขสถานการณ์น้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มขาขึ้นจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะความขัดแย้งในตะวันออกกลาง การเปิดฉากสงครามระหว่างอิหร่านกับอิสรเอลที่มีสหรัฐอเมริกาอยู่เบื้องหลังอีกต่างหาก
ส่วนดีเซลนั้น นอกจากจะถูกเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันลิตรละ 3 บาทเหมือนเดิมแล้ว ยังขึ้นอยู่กับว่ากระทรวงการคลัง จะเริ่มรีดภาษีสรรพสามิตดีเซลที่ลดไปก่อนหน้านี้ 5.30 บาท หลังสิ้นสุดมาตรการดังกล่าวในสิ้นเดือนมี.ค. 55 นี้ หรือว่าจะยืดเวลาออกไปถึงสิ้นสุดเม.ย. 55 แทน นั่นหมายความว่า หากเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตบวกกับเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ราคาดีเซล จะสูงถึงลิตรละ 38 บาท ขณะที่ ราคาก๊าซแอลพีจี และก๊าซเอ็นจีวี นั้น จะมีการทยอยปรับราคาตามมติครม. จนกระทั่งราคาก๊าซแอลพีจี อยู่ที่กก.ละ 27 บาท และก๊าซเอ็นจีวีอยู่ที่ 14.50 บาท
ต้นทุนค่าครองชีพที่กระชากสูงขึ้น ไม่ได้เป็นผลจากราคาสินค้าพลังงานที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น การปรับเงินเดือนข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ ตั้งแต่ต้นปี 55 และการปรับค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท หรือเพิ่มขึ้น 40% ใน 7 จังหวัดนำร่อง ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 เม.ย. 55 ยังเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้มีการปรับราคาสินค้าขึ้นไว้รอท่าล่วงหน้าแล้ว


http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9550000034280