ฝ่างๆๆๆๆ ผ้าม่านเปิด สปอตไลท์ฉาย ป้าหึ่งเดินออกมาจากม่าน เปิดตัวอย่างอลังการณ์ ขอประกาศผ่านไมค์ให้ทราบทั่วกันว่า ต่อไปนี้ป้าหึ่ง สาวงามรุ่นป้า ที่คว้าตำแหน่งนักชิมยูนิเวอร์ส ด้วยการที่ชอบชิม ชอบนินทา เอ้ย ขีดเขียนค่ะ เลยถูก
แต่งตั้งให้ทำหน้าที่ แนะนำร้านอร่อย เมนูเด็ด มาฝากลูกๆ หลานๆ ป้าจะขอทำหน้าที่ไปจนเหนียงยาน ใครมาปลดกลางอากาศป้าไม่ย้อมไม่ยอม คริๆๆๆๆ
งานแรกป้าขอเปิดซิงกับร้านที่ดูดีมีชาติตระกูลซะหน่อย ก็เลยเลือกร้านดังย่านอารีย์
ร้านปลาดิบ (Pla Dib)" ซอยอารีย์สัมพันธ์ 7 งานนี้ต้องขอกราบที่ง่ามใจของสปอนเซอร์ใจดี
"น้ำตาลมิตรผล" ที่ทำให้ป้าได้มีโอกาสไปชิมอาหารอร่อยถึงร้าน สำหรับคนที่ไม่เคยไป ขอเล่าให้ฟังนี๊ด นึงว่า Pla Dib เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ตกแต่งในสไตล์ Minimalism เรียบง่ายมีกลิ่นอายญี่ปุ่นนิดๆ ป้าหึ่งเดินซอกแซกดูร้านซะทั่ว จนสาวน้อยวัยใส เหมือนป้าตอนวัยละอ่อน เข้ามาทัก
"คุณ โอ๊ค" วิกันดา ภิรมย์ เจ้าของร้าน คุณโอ๊ดถือโอกาสแนะนำร้าน แถมแนะนำเมนูเด็ดที่จาระไนมามากมาย ป้าหึ่งอาศัยช่วงชุลมุนคลุกวงใน เต๊าะไปเรื่อยๆ จนได้เมนูเด็ดของร้านมาหลายเมนู ใครอยากได้สูตรเด็ดของร้านดัง อย่าคลิกไปไหนเชียว
เมนูแรกที่ป้าหึ่งอยากจะแฉ เอ้ย แชร์ ก็คือ
::ซี่โครงหมูบาร์บีคิว ซอสแอปเปิ้ล (Smoke BarB-Q Rib with Apple Sauce)::
ส่วนผสมซอสบาร์บีคิว * ซอสพริก 1 ถ้วยตวง
* ซอสมะเขือเทศ 1 ถ้วยตวง
* น้ำผึ้ง 3/4 ถ้วยตวง
* ซอสเปรี้ยว 1 ช้อนโต๊ะ
* ริควิดสโมก 1 ช้อนโต๊ะ
* ซีอิ้ว 1 ช้อนโต๊ะ
* มิตรผลไซรัป (Mitr Phol Syrup) 1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมแอปเปิ้ลซอส * แอปเปิ้ล 1 ลูก
* น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
* ปั้นให้เข้ากันใส่เกลือเล็กน้อย
วิธีการทำซี่โครงหมุย่างบาร์บีคิว ซอสแอปเปิ้ล
นำซี่โครงหมูอ่อนหมักเกลือพริกไทยเล็กน้อย นำไปอบไฟปานกลางประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วนำไปย่างไฟอ่อนๆ ให้หอมยั่วใจ ต่อด้วยการทำซอสบาร์บีคิว ที่มีส่วนผสมของ มิตรผลไซรัป (Mitr Phol Syrup) เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม ที่มาจากอ้อยธรรมชาติ 100 % ใช้ง่าย สะดวก ไม่ต้องเสียเวลามาเคี่ยวน้ำเชื่อมเอง เมื่อได้ซอสบาร์บีคิวแล้ว ทาลงบนซี่โครงที่ย่างอยู่ในเตาจนสุกได้ที่แลัวนำเสิร์ฟพร้อมซอสแอปเปิ้ลที่เตรียมไว้
แหมทำเสร็จแล้วป้าหึ่งก็ต้องขอชิมกันหน่อยล่ะค่ะ กระดูกหมูที่ทางร้านใช้เนี่ยต้องบอกเลยว่าคัดสรรมาอย่างดีค่ะ เลือกกระดูกหมูที่เป็นกระดูกอ่อนครึ่งนึงให้ท่านได้บริหารกรามเคี้ยวกรุบกรอบกันไป แล้วก็เป็นกระดูกที่สามารถแทะได้อีกครึ่งนึง ได้สองอรรถรสในจานเดียว กลิ่นเตะจมูกซะแทบหน้าหงาย เพราะกลิ่นของเครื่องเทศผสมกับกระดูกหมูมันสุด ๆ จริง ๆ ส่วนรสชาติก็เข้มข้น หวานกำลังดี ซ่อนเปรี้ยวนิด ๆ แหมเรียกได้ว่ากินกันไม่มีเบื่อค่ะ
จานแรกผ่านไป แต่ป้าหึงไม่ยอมเลิกรา เพราะรู้ว่าที่นี่ เลื่องลืออื้ออึง ว่ามีของอร่อยอีกบานตะเกียว ป้าก็อยากรู้ว่าแค่ไหนกันเชียว เลยใช้วิธีทำโพลส่วนตัว เดินสำรวจไปทุกโต๊ะ แล้วต้องเผลอตัวถึงอุทานว่า
“ตาเถร” เพราะทุกโต๊ะสั่งอาหารไม่เหมือนกันเลย ซึ่งแปลว่าที่นี่มีจานเด็ดหลายเมนู แต่ที่สะดุดตาป้าหึ่งมากๆ เห็นแว่บๆ ว่าเป็นปลาเนื้อขาว ป้าหึ่งไม่รอรี ถามคุณโอ๊คทันที ก็ได้รับคำตอบว่าเป็น "ปลาจอนโดรีซัลซ่า มะม่วง" แล้วป้าก็อาศัยลูกมั่ว ถามโน่นถามนี่ ตอดนิดตอดหน่อย จนได้สูตรลับของปลาบักจ้อน (ขอเรียกสั้นๆ แล้วกัน มันยาวเจ้าค่ะ)