ปัจจุบันดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตของมนุษย์ทำให้เรามีพฤติกรรมการรับประทานอาหารแบบเร่งด่วน การเคลื่อนไหวระหว่างวันที่น้อยลง แต่ความเครียดกลับเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เป็นสาเหตุทำให้โรคภัยไข้เจ็บเข้าใกล้เราเร็วขึ้น
พญ. กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี แพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์เชิงป้องกัน และผู้อำนวยการศูนย์พรีเมียร์ไลฟ์เซ็นเตอร์ โรงพยาบาลพญาไท 2 กล่าวว่า “ในขณะที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเพื่อทำให้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น แต่สิ่งที่ร่างกายมนุษย์ต้องการอย่างแท้จริงคืออากาศและน้ำที่บริสุทธิ์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่านี่คือธรรมชาติของชีวิตและเราต้องหันกลับมาดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลง ซึ่งสำคัญไม่ต่างจากการสร้างวิวัฒนาการทางโลกให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อที่มนุษย์จะได้มีอายุที่ยืนยาวควบคู่ไปกับสุขภาพที่ดีด้วย”
“นอกเหนือจากกลุ่มโรค NCDs แล้ว โรคร้ายแรงหนึ่งในสามของศตวรรษที่ 21 ที่องค์กรอนามัยโลก หรือ WHO ได้จัดอันดับให้ คือ โรคของสภาพจิตใจหรือโรคซึมเศร้า ซึ่งสำคัญรองลงมาจากโรค NCDs จัดเป็นพิษร้ายจากการเผชิญความเครียดสะสม ซึ่งย้อนกลับไปศตวรรรษที่ 19 มนุษย์เพิ่งเริ่มเรียนรู้ว่าเชื้อโรคคืออะไร ต้องหาวิธีการรักษาโรค เริ่มรู้จักคำว่า รังสีเอกซเรย์ แสกน และฮอร์โมน มาศตวรรษที่ 20 ก็มุ่งเน้นการหาวิธีรักษาตามอาการของโรคที่เป็น และในปัจจุบันศตรวรรษที่ 21 มาการดูแลสุขภาพโดยที่ทำให้เราสามารถที่จะป้องกันไม่ให้เกิดโรคหรือเรียนรู้วิธีทำยังไงให้ร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรงเพื่อที่เราจะไม่เป็นโรค รวมเรียกว่า เวชศาสตร์ป้องกัน คือการเปลี่ยนแปลงสุขภาพให้แข็งแรงจากภายใน โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือป้องกันไม่ให้เป็นโรค สองคือการตรวจเช็กความเสี่ยงโรคร้ายต่างๆ และสุดท้ายคือหากเป็นโรคแล้วเราจะมีวิธีป้องกันอย่างไรไม่ให้กลับมาเป็นโรคซ้ำ หรือลดความรุนแรงจากโรคที่เป็นให้น้อยที่สุด”
ปัจจุบันเทคโนโลยีการตรวจด้านเวชศาสตร์ป้องกัน แบ่งเป็นเรื่องของการรับประทานอาหาร การดูแลออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การนอน อารมณ์ ซึ่ง เวชศาสตร์เชิงป้องกัน มาจากวิวัฒนาการและเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่จะทำให้สามารถตรวจเจาะลึกถึงระดับเซลล์ ดูระดับวิตามินในร่างกาย การวิเคราะห์สุขภาพในระดับ DNA การตรวจระดับฮอร์โมน สามารถตรวจถึงการดูแลตัวเองขั้นพื้นฐาน เพื่อให้กลับมาใส่ใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น กินดี นอนดี อารมณ์ดี การออกกำลังกายประเภทไหนที่เหมาะสมกับตัวเรา เช็กระบบการเผาผลาญ การตรวจภูมิคุ้มกันแบบ NK Cells หรือตรวจเซลล์เม็ดเลือดขาว ไปจนถึงการตรวจวัดความเสื่อมของเซลล์ที่จะนำไปสู่โรคต่างๆ ในอนาคต เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด อัลไซเมอร์ มะเร็ง เป็นต้น ซึ่งช่วยให้เราวางแผนได้รวมทั้งปรับพฤติกรรมให้มีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีความสุขและมั่นคงในชีวิต แบบ Health Brings Wealth ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์เชิงป้องกัน ในเครือ รพ. พญาไท”
ทางด้าน พญ.ธิศรา วีรสมัย สูตินรีแพทย์และแพทย์เวชศาสตร์ป้องกัน หัวหน้าศูนย์สุขภาพหญิง และหัวหน้าศูนย์เวชศาสตร์เชิงป้องกัน Smart Life Preventive Medicine Center โรงพยาบาลพญาไท 1 กล่าวเสริมถึงภาวะโรคอ้วนเป็นภัยคุกคามชีวิตว่า “โรคอ้วนเป็นหนึ่งในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ทำให้มีไขมันสะสมในปริมาณที่มากกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากความเครียด ความผิดปกติทางพันธุกรรม ฮอร์โมนผิดปกติ การใช้ยาบางชนิด หรือพฤติกรรมการกิน ทำให้ร่างกายมีพลังงานที่ได้รับมากกว่าพลังงานที่ใช้ไป จนทำส่งผลเสียต่อสุขภาพ นำไปสู่โรคต่าง ๆ เช่น ไขมันในเลือดสูง ไขมันพอกตับ โรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง ประจำเดือนมาไม่ปกติ หยุดหายใจขณะหลับ คุณภาพการนอนไม่ดี เพิ่มความเสี่ยงในเการเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น ที่สำคัญความอ้วนทำให้ขาดความมั่นใจ วิตกกังวลและนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้”
“การป้องกันไม่ให้กลับมาอ้วนอีกนั้น แพทย์จะซักประวัติอาหารและรูปแบบการใช้ชีวิต ตรวจให้รู้ปัญหาเชิงลึก วัดดัชนีมวลกาย ตรวจวัดสัดส่วนและองค์ประกอบของร่างกาย ตรวจระดับฮอร์โมนที่ผิดปกติ ตรวจหาความผิดปกติระดับยีนทั้งรูปแบบอาหารและการออกกำลังกายที่เหมาะสมในการควบคุมน้ำหนักให้ได้ผล การเผาผลาญ ความไวต่ออาหารและการรับรสที่เหมาะสม นอกจากนี้ การตรวจระบบเผาผลาญ การทำงานของระบบทางเดินทั้งสมดุลจุลินทรีย์ และการแพ้อาหารแฝง ก็ส่งผลต่อการดูดซึมสารอาหารและการควบคุมน้ำหนักอย่างได้ผลเช่นกัน ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาประมวล และวางแผนร่วมกับคนไข้ในการกำหนดน้ำหนักเป้าหมาย ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต จัดโภชนาการเพื่อสมดุลของระบบทางเดินอาหารและการควบคุมน้ำหนัก จัดโปรแกรมการออกกำลังกายเพื่อการเผาผลาญและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพื่อให้ไม่กลับมาอ้วนและรักษาสมดุลของฮอร์โมน ซึ่งการจัดยาฮอร์โมนและวิตามินเฉพาะบุคคลที่เหมาะสม ตามผลการตรวจเชิงลึกโดยแพทย์ร่วมกับการปรับเปลี่ยนอาหารและรูปแบบการใช้ชีวิตของคนไข้ตามผลการตรวจ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันที่เป็นรูปธรรมในการลดน้ำหนัก เพื่อป้องกันการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามมาในที่สุด” พญ.ธิศรา กล่าวเสริม
ด้าน ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ แพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์เชิงป้องกัน แผนกเวชศาสตร์ป้องกันภณา รพ. พญาไทนวมินทร์และผู้อำนวยการ รพ. พญาไท นวมินทร์ กล่าวเสริมเรื่องฮอร์โมนว่า “ฮอร์โมนเป็นสารเคมีชนิดหนึ่งที่ต่อมไร้ท่อต่างๆ ในร่างกายเราเป็นผู้สร้างขึ้นมา เมื่อยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว ฮอร์โมนคุณมีเต็มจนล้นปรี่ จนทำให้คุณผู้หญิงดูสวยสดใส ร่าเริงมีชีวิตชีวา และในคุณผู้ชายก็มีพละกำลัง แข็งแรง กำยำ แต่แล้วมันก็จะลดลงไปตามกาลเวลา”
สัญญาณและอาการบ่งชี้ว่าระดับฮอร์โมนในร่างกายบกพร่องในสุภาพบุรุษนั้น มีอาการเช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ความจำพร่าเลือน ขาดสมาธิ ขาดแรงกระตุ้นทางเพศ สมรรถภาพทางเพศเสื่อมหรือลดลง ปวดหลัง ปวดข้อ ขาดความกระปรี้กระเปร่า พละกำลังลดลง หดหู่ซึมเศร้า ท้อแท้ต่อชีวิต อารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย ตื่นตระหนก วิตกกังวล มีความเครียดสูง
ส่วนในสุภาพสตรีนั้นอาการค่อนข้างจะชัดเจนและสังเกตเห็นง่ายกว่า ประจำเดือนไม่มาติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 12 เดือน เรียกอาการวัยทอง ประจำเดือนหมด (menopause) ทำให้มีอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออก เฉื่อยชา ขาดชีวิตชีวา อารมณ์หดหู่ ซึมเศร้า อารมณ์หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย เครียด วิตกกังวล ความจำพร่าเลือน หรือขาดสมาธิ ปวดศีรษะ หน้าอกหย่อนยาน ความตอบสนองทางเพศไม่เป็นที่พอใจ ช่องคลอดขาดความชุ่มชื้น สุขภาพผมและผิวเสียสมดุล และที่ร้ายแรงกว่าก็เช่น ภาวะกระดูกพรุน
ปัจจุบัน เครือ รพ.พญาไท เปิดให้บริการด้านเวชศาสตร์เชิงป้องกัน ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง ทั้ง 5 สาขา ได้แก่ รพ.พญาไท 1 รพ.พญาไท 2 รพ.พญาไท 3 รพ.พญาไท นวมินทร์ และ รพ.พญาไท ศรีราชา สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ รพ. พญาไท Call Center 1772