ก้าวใหม่ในยุคเปลี่ยนผ่านจากผู้นำ “ธุรกิจดิวตี้ฟรี” คนไทย ขยายฐานต่อสู่ธุรกิจ “Multi Business” จากอดีตถึงปัจจุบัน 4 กลุ่มแกนหลัก ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป จะเพิ่มเป็น 8 กลุ่มแกนหลัก ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 ธุรกิจสินค้าปลอดอากร (Travel Retail) กลุ่มที่ 2 ธุรกิจค้าปลีก (Retail) กลุ่มที่ 3 ธุรกิจอาหาร (Dining) กลุ่มที่ 4 ธุรกิจโรงแรม (Hospitality) กลุ่มที่ 5 ธุรกิจสินค้าอุปโภคและบริโภค (Consumer Products) กลุ่มที่ 6 ธุรกิจสร้างสรรค์ประสบการณ์ (Travel Experiences) กลุ่มที่ 7 ธุรกิจกีฬา (Sports) และกลุ่มที่ 8 กิจกรรมเพื่อสังคม (CSR)
โดยมีไฮไลต์ขยายการลงทุนใหม่มูลค่าไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท เตรียมพร้อมรองรับกำลังซื้อคนไทยและทั่วโลก เดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทย ซึ่งจะเป็นพลังเสริมเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวกลับมาเติบโต

โครงการแรก “คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี” ในพื้นที่อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 หรือ Sattelite Building สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ตามที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” ซึ่งเป็นคู่สัญญาประกาศจะเปิดให้บริการได้ตั้งแต่กันยายน 2566 เป็นต้นไป ขนาดรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 15 ล้านคน และก่อนเปิดใช้งานล่วงหน้า 6 เดือน จะต้องให้ผู้ประกอบการเข้าไปตกแต่งพื้นที่โดดเด่นสวยงามดึงดูดนักเดินทางสนใจเลือกช้อปสินค้า พร้อมรองรับได้เฉลี่ยวันละ 151,000 คน โดย ทอท.ระบุแต่ละปีจะนำผู้โดยสารมาใช้สนามบินบินสุวรรณภูมิให้ได้ไม่ต่ำกว่า 66 ล้านคน จึงจะจัดเก็บค่าตอบแทนจากคู่ค้าแบบมินิมัมการันตีได้
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเมษายน 2565 คิง เพาเวอร์ ร่วมกับแบรนด์พันธมิตรระดับโลก ลงทุนเปลี่ยนโฉมช้อปใหม่เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ชูจุดขาย “World Junction” สร้างปรากฎการณ์ “Duty Free World Class Shopping Destination” ทำให้สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางการบินแห่งเอเชีย สร้างความตื่นตาตื่นใจด้วย 3 โซนหลัก ได้แก่ World Fashion, World Beauty และ World Duty Free

โครงการที่สอง “ร้านค้าดิวตี้ฟรีในเมือง” (King Power Downtown Duty Free) คิง เพาเวอร์ ได้จัดเตรียมพื้นที่ทำเลใจกลางย่านธุรกิจ (CBD :Center Building District) รองรับนักช้อปที่จะเดินทางเข้าไปใช้บริการได้วันละไม่น้อยกว่า 50,000 คน
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ พร้อมแล้วที่จะปลุกพลังความสำเร็จมาให้คนทั้งประเทศอีกครั้งตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป ทำให้ธุรกิจคนไทยครองใจผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวทั่วโลก สร้างรายได้เสริมเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งอย่างยั่งยืน
ที่มา เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่งใยสามเสน