เร่งถอดบทเรียน AAR แก้ปัญหาหมอกควัน ไฟป่า เตรียมรับมือภัยธรรมชาติช่วงเข้าฤดูหนาว

q*062 q*062 q*062
สำหรับประเทศไทยเป็นประเทศที่มี 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว หากเมื่อปีที่แล้วยังจำวิกฤตการณ์ภัยธรรมชาติ จากปัญหาฝุ่นควัน หมอกไฟป่า ที่ทางภาพเหนือได้ว่าผลกระทบหนักหนามากแค่ไหน ไม่ว่าจะทางท่องเที่ยวหรือสุขภาพความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน สำหรับภัยธรรชาตินอกเหนือจาก ฝนที่ตกมากเกินไปจนทำให้เกิดน้ำท่วม หรือ ฝนที่ตกไม่ตรงฤดูการทำให้เกิดปัญหาภัยแล้ง น้ำแห้ง ชาวบ้านในชนบทไม่มีน้ำกินน้ำใช้อย่างทั่วถึง แต่เมื่อหมดหน้าฝนก็จะเข้าใกล้หน้าหนาว สิ่งที่หนี้ไม่พ้นจากภัยธรรมชาติในช่วงฤดูหนาวนก็คือ หมอก ควัน ไฟป่า แผ่นดินถล่ม การเกิดดินถล่ม รวมถึงฝุ่นละออก PM2.5เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่มักจะมาโดยที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว
ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมการรับมือภัยธรรมชาติไว้ล่วงหน้า ล่าสุดได้มีการสั่งการเร่งด่วนของท่านพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ “บิ๊กป้อม” ได้รีบสั่งการแก้ปัญหาไฟป่า มลพิษ ฝุ่นละออง ย้ำต้องไม่เกินค่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ หลังถอดบทเรียน AAR ป้องกัน หมอกควัน ไฟป่า ฝุ่นละออง” จากคราวที่แล้วสิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนคือ มอบนโยบาย “ขยายผล พัฒนา ขจัดปัญหา” สร้างความเชื่อมั่น หวั่นกระทบสุขภาพ ปชช. ซ้ำเติมโควิด-19 โดยการเร่งหารือร่วมกับ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยกรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดการแก้ปัญหา ประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อถอดบทเรียน (After Action Review :AAR) โดยให้เตรียมการให้เร็วที่สุด สำหรับ ข้อเสนอแนะแนวทางการปฏิบัติงานป้องกัน และแก้ไขในทุกมิติ จากการดำเนินงานในอดีต ที่ผ่านมา ของพื้นที่ กทม./ปริมณฑล พื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด และพื้นที่เสี่ยงอื่นๆ ทั่วประเทศ เพื่อควบคุมแหล่งกำเนิด และปริมาณฝุ่นละออง ไม่ให้สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานและส่งผลกระทบ ต่อพี่น้องประชาชน
ทั้งนี้ ในปีนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้สั่งการเร่งด่วนโดยกระชับ นายวราวุธ ศิลอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และหน่วยงานต่างๆ จากทุกกระทรวง ร่วมถึง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ ผู้ว่าราชการจังหวัด ทั่วประเทศ โดย
นายวราวุธ ศิลอาชา ได้มอบหมายนโยบายส่งต่อให้ทุกหน่วยงาน ยึดหลักการทำงานร่วมกัน คือ “ขยายผล พัฒนา ขจัดปัญหา” เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ การป้องกันสุขภาพ อนามัย ของประชาชนให้มีความปลอดภัยสูงสุด ครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศ โดยได้เน้นย้ำแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การยกระดับ Single Command ผวจ.ต้องให้สามารถติดตามสถานการณ์ และสั่งการไปยังท้องถิ่นระดับล่าง ได้อย่างใกล้ชิด รวดเร็ว ต้องมีการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน
โดยเฉพาะการควบคุมแหล่งกำเนิดการเผา มีการบังคับใช้กฎหมาย อย่างเข้มงวด ต่อยานยนต์ที่มีควันดำ มีการควบคุมและป้องกันการเผา/บุกรุกป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่ผลผลิตทางการเกษตร มีการควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมไม่ให้ปล่อยสารพิษออกสู่บรรยากาศ มีการพัฒนาระบบคาดการณ์สภาวะอากาศ ที่มีการสะสมฝุ่นละอองล่วงหน้าให้ได้ 3-7 วัน รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขเพื่อการแจ้งเตือน และการรักษาผู้ป่วยจากฝุ่นละออง พร้อมขอให้มีการสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพื่อลดความตระหนก และสร้างความเชื่อมั่น ต่อไปนับเป็นวาระแห่งชาติ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่ง การนำบทเรียนจากอดีต มาทบทวน แก้ไขแผนงาน จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น และต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงแผนให้มีความทันสมัย และจะต้องมีการซักซ้อมแผน เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้จริง ควบคู่มาตรการป้องกันโควิด-19 ด้วย โดยต้องนำผลสรุป
"การถอดบทเรียน" ไปบูรณาการทำงานร่วมกัน และยึดหลักการ"ขยายผล พัฒนา ขจัดปัญหา" พร้อมขอให้มีการสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพื่อลดความตระหนก และสร้างความเชื่อมั่น ต่อไป

#การแก้ไขปัญหา #หมอกควัน #ไฟป่า #ฝุ่นละออง
#ถอดบทเรียน #กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม #กรมควบคุมมลพิษ

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน