หน้า: 1

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: โควิด-19 ยังทำให้พาสปอร์ตทรงอิทธิพลมีความแข็งแกร่งลดลง  (อ่าน 45 ครั้ง)
add
เรทกระทู้
« เมื่อ: 6 ก.ค. 21, 15:50 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 

ผลการจัดอันดับล่าสุดจาก Henley Passport Index ซึ่งเป็นต้นแบบการจัดอันดับหนังสือเดินทางทั่วโลกตามจำนวนจุดหมายปลายทางที่ผู้ถือหนังสือเดินทางนั้นเดินทางไปได้โดยไม่ต้องมีวีซ่ามาก่อน แสดงให้เห็นว่า แม้ขณะนี้มีสัญญาณในทางที่ดีอยู่บ้าง แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่า การเดินทางข้ามพรมแดนยังคงมีอุปสรรคอยู่อีกมาก โดยแม้จะมีความคืบหน้าบ้างแล้ว แต่ระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2021 ที่ผ่านมานั้น การเดินทางทั่วโลกได้ฟื้นตัวขึ้นแต่ก็เพียง 12% เมื่อเทียบกับระดับก่อนการแพร่ระบาด และความแตกต่างระหว่างการเข้าถึงในการเดินทางในทางทฤษฎีกับความจริงนั้นยังคงมีอยู่มาก

ญี่ปุ่น ซึ่งใกล้จะเปิดฉากมหกรรมกีฬาโตเกียวโอลิมปิก 2020 ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าหลังจากที่ได้เลื่อนไป และแม้จะยังคงอยู่ในภาวะ "กึ่ง" ฉุกเฉินนั้น ก็ยังคงรั้งอันดับหนึ่งในการจัดอันดับ Henley Passport Index ซึ่งจัดทำขึ้นโดยอิงข้อมูลจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association หรือ IATA) ตามหลักการแล้ว ผู้ถือหนังสือเดินทางญี่ปุ่นเดินทางเข้าประเทศและดินแดน 193 แห่งได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า (visa-free) หรือขอรับการตรวจลงตราที่ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (visa-on-arrival)

แม้หนังสือเดินทางของชาติยุโรปเข้ามาครองพื้นที่ 10 อันดับแรกเป็นส่วนใหญ่มาตลอด 16 ปีของการจัดอันดับ แต่การเข้ามามีอิทธิพลของ 3 ชาติเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ ก็ได้กลายเป็นเรื่องปกติใหม่ไปแล้วในสมัยนี้ โดยสิงคโปร์ยังคงอยู่ในอันดับสอง จากการที่ผู้ถือหนังสือเดินทางสิงคโปร์สามารถเข้าประเทศและดินแดนต่าง ๆ ได้ 192 แห่ง ขณะที่เกาหลีใต้และเยอรมนีครองอันดับสามร่วม จากการที่ผู้ถือหนังสือเดินทางสามารถเข้าประเทศและดินแดนต่าง ๆ ได้ 191 แห่ง

อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับสิทธิในการเดินทางที่ทำได้ในขณะนี้สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางที่ทรงอิทธิพลเป็นอันดับต้น ๆ แล้ว ผลที่ได้นั้นแตกต่างอย่างมาก โดยผู้ถือหนังสือเดินทางญี่ปุ่นเดินทางได้ไม่ถึง 80 แห่ง (เทียบเท่ากับหนังสือเดินทางซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีอันดับไล่ลงไปอยู่ที่อันดับ 71 ในการจัดอันดับเดียวกัน) ขณะที่ผู้ถือหนังสือเดินทางสิงคโปร์เดินทางได้ไม่ถึง 75 แห่ง (เทียบเท่ากับคาซัคสถาน ซึ่งอยู่ในอันดับ 74)

หนังสือเดินทางสหราชอาณาจักรและสหรัฐมีอิทธิพลลดฮวบ

แม้แต่ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ก็มีแนวโน้มไม่สดใสพอกัน สหราชอาณาจักรและสหรัฐอยู่ที่อันดับ 7 ร่วมในการจัดอันดับดังกล่าว ซึ่งมีอันดับลดลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ที่ทั้งสองประเทศเคยครองอันดับหนึ่งร่วมกันเมื่อปี 2014 โดยผู้ถือหนังสือเดินทางของทั้งสองประเทศสามารถเข้าประเทศและดินแดนต่าง ๆ ได้ 187 แห่งตามหลักการ

อย่างไรก็ดี เมื่อประเมินจากคำสั่งห้ามเดินทางในปัจจุบันแล้ว ผู้ถือหนังสือเดินทางสหราชอาณาจักรมีอิสรภาพในการเดินทางลดฮวบกว่า 70% โดยปัจจุบันเดินทางได้ไม่ถึง 60 แห่งทั่วโลก เทียบเท่ากับหนังสือเดินทางของอุซเบกิสถานในการจัดอันดับเดียวกัน ขณะที่ผู้ถือหนังสือเดินทางสหรัฐมีอิสรภาพในการเดินทางลดลง 67% โดยเดินทางได้เพียง 61 แห่งเท่านั้น เทียบกับเท่าหนังสือเดินทางของรวันดา

Dr. Christian H. Kaelin ประธานของ Henley & Partners เปิดเผยว่า ความแตกต่างของอิสรภาพในการเดินทางทุกวันนี้มีมากที่สุดนับตั้งแต่ที่ได้เริ่มจัดอันดับนี้ขึ้นเมื่อปี 2006 เมื่อผู้ถือหนังสือเดินทางญี่ปุ่นเดินทางไปยังจุดหมายต่าง ๆ ได้มากกว่าหนังสือเดินทางท้ายตารางอย่างอัฟกานิสถานถึง 167 แห่ง เมื่อเทียบกับของอัฟกานิสถานที่เดินทางได้เพียง 26 แห่ง โดยกล่าวว่า "การอยู่โดดเดี่ยวตัดขาดจากโลกาภิวัตน์จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ตามมาอย่างมากแน่นอน ทั้งความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลก ความสามารถในการเดินทางทั่วโลกที่ลดลง และการจำกัดอิสระของผู้คน"

Willie Walsh ผู้อำนวยการ IATA เตือนว่า การเดินทางทั่วโลกไม่ควรจำกัดอยู่กับคนที่มีโอกาสฉีดวัคซีนเท่านั้น "อิสระในการเดินทางเป็นเรื่องสำคัญ เราจำเป็นต้องมีระบบที่ปลอดภัยในการผนวกรวมการตรวจใบรับรองการฉีดวัคซีนหรือใบรับรองการตรวจโรคลงในขั้นตอนการเดินทาง IATA Travel Pass จะเปิดโอกาสให้ผู้เดินทางแบ่งปันข้อมูลสุขภาพของตนได้อย่างปลอดภัยกับรัฐบาลและสายการบินต่าง ๆ"

การวิจัยพิเศษที่ Henley & Partners เป็นผู้รับผิดชอบและเผยแพร่ในรายงาน Q3 Global Mobility Report ฉบับล่าสุดนั้นบ่งชี้ว่า นับตั้งแต่ที่มีการประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ทั่วโลก การท่องเที่ยวในสหภาพยุโรปก็ลดลงเกือบ 90% สหราชอาณาจักรมีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 73% และสหรัฐมีจำนวนนักเดินทางระหว่างประเทศลดลง 69% ขณะที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ซึ่งปิดประตูไม่ให้ใครเข้าตั้งแต่เริ่มการแพร่ระบาดนั้น ก็มียอดผู้เดินทางเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเพียง 1% ของยอดเมื่อเดือนมีนาคม 2019

Robert Maciejewski ซีอีโอของ SIP Medical Family Office ในสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวว่า "แม้ข้อผูกมัดทางกฎหมายในการทำโควิดพาสปอร์ตไม่น่าจะเกิดขึ้นในประเทศประชาธิปไตยส่วนใหญ่ แต่หากไม่มีสิ่งนี้แล้ว ก็เท่ากับว่าจะก่อให้เกิดการจำกัดอิสรภาพของคุณโดยพฤตินัย ไม่ว่าจะในเรื่องการเดินทางหรือกิจวัตรประจำวัน"

อย่างไรก็ดี Prof. Mehari Taddele Maru จากศูนย์ Migration Policy Centre เตือนว่า "การใช้การบริจาควัคซีนเป็นอาวุธเพื่อประโยชน์ของชาติอันน้อยนิด มีแต่จะทำให้การฉีดวัคซีนล่าช้า และจะสร้างความเสียหายเพิ่มเติมต่อเศรษฐกิจและสังคม นอกเหนือไปจากที่มีผู้เสียชีวิตไปแล้วหลายล้านคน ทั้งยังมีความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกราว 9.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ"

Dr. Juerg Steffen ซีอีโอของ Henley & Partners กล่าวว่า "การทำให้แน่ใจว่าจะมีตัวเลือกการพำนักอาศัยมากกว่าหนึ่งที่ และ/หรือการถือสองสัญชาติ ได้กลายเป็นเรื่องจำเป็นมากขึ้นสำหรับผู้ประกอบการและนักลงทุนรวมถึงครอบครัวของพวกเขา เพื่อใช้เป็นวิธีรับมือความผันผวนและลดความเสี่ยงในระดับประเทศ ภูมิภาค และระดับโลก"

อ่านรายงาน Global Mobility Report 2021 Q3 ฉบับเต็มได้ที่ https://www.henleyglobal.com/publications/global-mobility-report/2021-q3

Infographic - https://mma.prnewswire.com/media/1556604/Henley_Partners_Infographic.jpg

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน

Tags:
Tags:  

หน้า: 1

 
ตอบ

ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา

 
 

[เพิ่มเติม]
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ:
พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
 
:  
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
         
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม