รู้หรือไม่คะ ว่าการ
ฟังเพลงในขณะที่ออกกำลังกาย ช่วยให้สามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากร่างกายของมนุษย์มีการเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกับจังหวะดนตรีอยู่เสมอ และทำให้อัตราการเต้นของหัวใจมีประสิทธิภาพขึ้น ส่งผลไปยังระบบเผาผลาญทำ
งานได้ดียิ่งขึ้น ยิ่งถ้าเป็น
หูฟังออกกำลังกาย แบบ หูฟังบลูทูธจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถใช้งานได้ง่าย ไม่ต้องวุ่นวายกับสายยาว ๆ ที่พันกันอุตลุต ทำให้ออกกำลังกายในท่าทางต่าง ๆ ได้สะดวกขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าพฤติกรรมการออกกำลังกายของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน ทำให้การเลือกซื้อ
หูฟังออกกำลังกาย สักตัวหนึ่งก็ต้องแตกต่างเช่นกัน ดังนั้นอย่ารอช้าลองมาศึกษาวิธีการเลือกซื้อหูฟังให้เหมาะสมกับแต่ละคนกันว่าแล้วก็ตามมาดูกันเลยค่ะ
การเลือก
หูฟังออกกําลังกาย ให้เหมาะสมต่อการนำไปใช้งาน
1.วิ่งเหยาะ ๆ รับแดดยามเช้าต้องเบาสบาย
หากคุณเป็นคนที่ตื่นเช้าขึ้นมาวิ่งช้า ๆ สักประมาณครึ่งชม. ก่อนออกไปทำงาน หรือวิ่งแบบนี้ตอนหลังเลิกงาน คุณจะอยู่ในกลุ่มที่วิ่งเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง ดังนั้นการลงทุนกับหูฟังออกกำลังกายที่มีคุณภาพสูงอาจไม่คุ้มค่านัก ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพในการกันน้ำระดับสูง หรือแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้อย่างยาวนาน ทำให้การเลือกซื้อหูฟังของคนกลุ่มนี้น่าจะเลือกแค่หูฟังบลูทูธที่ทนเหงื่อได้ประมาณหนึ่ง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้
หูฟังออกกำลังกาย ที่ใช้งานนั้นเสียหายเร็วกว่าปกติ พร้อมกับหารุ่นที่ให้คุณภาพเสียงค่อนข้างดี จะได้ใส่ในวันปกติได้ด้วย ซึ่งก็คงไม่พ้นหูฟังออกกำลังกายแบบ In-Ear ที่มีสายคล้องสั้น ๆ
2.เน้นยกเหล็กในยิม แบบ Over-Ear
ฝั่งคนที่เน้นเข้าฟิตเนส หรือยิม เพื่อเข้าไป Weight Training การสวมใส่หูฟังออกกำลังกายแบบ In-Ear ก็ค่อนข้างเหมาะสมเช่นกัน แต่ด้วยการเคลื่อนในฟิตเนสนั้นไม่ได้เคลื่อนที่ซ้ำ ๆ ตลอดเวลาเหมือนกับการวิ่ง ทำให้การสวมใช้หูฟังที่จะแสดงให้เห็นถึงรสนิยมเรื่องแฟชั่น ก็น่าจะเป็นไปได้ ซึ่งการแสดงให้เห็นชัดก็คงต้องสวมใส่แบบ Over-Ear ที่ปัจจุบันก็เริ่มมีรุ่นกันเหงื่อ และกันฝุ่นบ้างแล้ว แถมยังช่วยตัดเสียงรบกวนได้ดีพอ ๆ กับหูฟัง In-Ear ซึ่งจะช่วยเพิ่มสมาธิในการออกกำลังกายอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติเป็นหูฟังบลูทูธที่ไม่ต้องมีสายออกมาเกะกะเช่นกัน
3.ถ้า Hardcore ต้องสามารถวัดอัตราการเต้นหัวใจ
เมื่อพูดถึงการออกกำลังกายอย่างจริงจัง หนึ่งในเรื่องที่ถูกพูดถึงต้องมีหัวข้อ “อัตราการเต้นของหัวใจ” แน่ ๆ เพราะเมื่อทราบข้อมูลตัวนี้ การออกกำลังกายก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีหูฟังบลูทูธที่สามารถแสดงข้อมูลนี้ได้แล้ว แถมยัง
แม่นยำไม่แพ้กับที่ใช้ Smartwatch และ Activity Tracker อีกด้วย โดยรุ่นที่สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นขั้นสูง พร้อมกับโค้ชส่วนตัวที่จะคอยบอกการเคลื่อนไหว และอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ตลอด ทำให้การสวมใส่เพื่อซ้อมวิ่งมาราธอน หรือเพื่อลงแข่งไตรกีฬา ก็ค่อนข้างสะดวก เพราะไม่ต้องมีอะไรมารั้งที่แขนเอาไว้
เมื่อผู้ใช้รู้ถึงความต้องการของตัวเองก็จะทำให้สามารถเลือกประเภท
หูฟังออกกำลังกาย ได้ง่ายขึ้น และตอบโจทย์กับความต้องการใช้งานได้มากที่สุด สำหรับใครที่กำลังมองหาหูฟังบลูทูธไปใช้งานขณะขับขี่หรือเดินทางตามท้องถนน ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับเสียงรอบข้างหรือเสียงจากภายนอกด้วยนะคะ เพื่อปลอดภัยค่ะ